เรื่อง+ภาพ : eyejung
เข้าสู่ฤดูร้อน ต้องบอกว่าร้อนตับแตกทะลุทะลวงไปทุกรูขุมขนจริงๆ จนอยากลาพักร้อน พักกาย พักใจ ไปนั่งดูท้องฟ้า รับลม ฟังเสียงคลื่น เดินชิลๆ น้ำใสๆ อยู่ริมทะเล แต่เราก็เพิ่งลาพักร้อนไปนิ… ฮาฮาฮา ฉบับที่แล้วเพิ่งพาไปเที่ยวทะเลอันดามัน หมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา ซึ่งเป็นสวรรค์ของคนรักทะเล เรื่องความสวย ใส ต้องยกให้ฝั่งอันดามัน แต่จะลางานอีกก็ใช่ที่ แถมทะเลฝั่งอันดามันก็ไกลเกินไปสำหรับคนมีเวลาจำกัด แต่ก็ยังอยากได้ฟิวส์ฟ้าสวยน้ำใส วันนี้… eyejung… อาสาพาเที่ยวฝังอ่าวไทยกันบ้าง แต่ยังคงได้ฟิวแบบทะเลอันดามันเราจะพาข้ามทะเลมาเที่ยวเกาะช้างกัน ซึ่งก็มีชื่อเสียงด้านทะเลสวย แถมการเดินทางก็ใกล้กว่าฝั่งอันดามันเยอะ อีกอย่างเกาะช้างก็เป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศไทย รองมาจากภูเก็ต และเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งอ่าวไทย เกาะช้างมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายหลายเกาะ ซึ่งถ้าจะเที่ยวให้ครบทุกเกาะ อาจจะต้องใช้เวลาอยู่หลายอาทิตย์ แต่อย่างที่บอกว่ามนุษย์เงินเดือนอย่างเรา จะเอาวันลาจากไหนเยอะแยะ แถมงบก็น้อย 555… จึงต้องเลือกเส้นทางเที่ยวกันก่อนเลย
หลายคนเคยมาเกาะช้างกันบ้างแล้ว จะรู้ดีว่า เกาะกูด จะเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของเกาะช้างในเรื่องทะเลสวย ผู้คนไม่พลุกพล่าน แต่ค่อนข้างไกล ใช้เวลาเดินทางพอสมควร แถมค่าใช้จ่ายสูง เราจงตัดช้อยนี้ออกไป 555.. คนงบน้อยก็ต้องถอยไป อิอิ… แล้วจะบอกทำไร นั่นสิ ใจเย็นๆ เมื่อเราตัดช้อยเกาะกูดออกไปแล้ว เราเลยตัดสินใจไปเกาะช้างกัน แต่จะไปเที่ยว แบบโปรแกรมพื้นฐาน ในรูทเส้นทางที่ขายทัวร์ปกติ ที่เป็นเส้นทางท่องเที่ยวของบริษัทขายทัวร์ทั่วไป ก็จะเป็นเที่ยวดำน้ำที่เกาะรัง เกาะยักษ์ใหญ่ เกาะยักษ์เล็ก ซึ่งเป็นส่วนของอุทยานแห่งชาติในกลุ่มของเกาะช้าง หรือเกาะอื่นๆ ที่อยู่ในเส้นทางของโปรแกรมทัวร์ก็จะมีเกาะเหลายา เกาะหวาย และเกาะหมาก ซึ่งคนอินดี้อย่างเรา ต้องมีแนวทางเป็นของตัวเอง 555…. คือไปก่อนเดี๋ยวค่อยไปคิด
ได้เวลา พร้อมโดดงานอีกแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า…จริงๆ ทริปนี้เวลาเตรียมตัวน้อยมาก ถ้าใครติดตาม eyejung จะเห็นว่าเดินทางตลอด แล้วยังจะโดดงานไปเที่ยวอีกเหรอ ไม่ต้องแปลกใจ มันเป็นความสามารถส่วนตัวล้วนๆ ไม่ควรลอกเลียนแบบ เพราะว่าทำงานไม่เคยทันเลย แฮะแฮะ… ต้องหอบเสื้อผ้ามานอนออฟฟิศเป็นประจำ แต่ในเมื่อคุณรัก ที่จะเป็นนักเดินทาง ก็ต้องแลกเอา เพราะการออกเดินทางทุกครั้งมันจะมีเรื่องราวให้น่าจดจำมากมาย ประสบการณ์ การเรียนรู้มากมายที่เราไม่สามารถหาได้ในตำรา มีคำกล่าวว่า “เราจ่ายเงินเพื่อซื้อการเดินทาง และได้เงินทอนเป็นประสบการณ์ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะได้ทอนมาเกิน” ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องจริงที่สุด และอีกคนที่ eyejung ชอบ เซ้นท์ ออกัส กล่าวไว้ว่า “โลกใบนี้เปรียบเหมือนหนังสือเล่มหนึ่ง และคนที่ไม่เคยเดินทางเลย ก็เปรียบเหมือนคนที่อ่านหนังสือเพียงหน้าเดียว” เมื่อการเดินทางมันสำคัญขนาดนี้จะช้าอยู่ใย (หาเหตุผลไปเที่ยวให้กับตัวเอง)
ออกเดินทางกันแต่เช้า ดูเส้นทางคร่าวๆ ทางออนไลน์มาบ้าง ตอนแรกกะจะจองที่พัก และโปรแกรมท่องเที่ยวแล้ว แต่ทางทัวร์บอกให้โอนเงินทั้งหมดมาก่อน เราเลยลังเล แล้วสรุปกันว่าไปหาเอาดาบหน้าดีกว่า ช่วงที่ไปก็ไม่ใช่วันหยุดลองวีคเอ็น หรือวันเสาร์อาทิตย์ น่าจะหาที่พักไม่ยาก เส้นทางที่สะดวกที่สุดตอนนี้คงจะหนีไม่พ้น ถนนทางหลวงหมายเลข 7 ที่เราเรียกกันว่ามอเตอร์เวย์ ที่ตอนนี้สร้างด่านเก็บตังค์เพิ่มอีกด้าน เส้นทางสามร้อยกว่ากิโล ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าๆ แต่เราเน้น Chill Chill ถึงจุดพักรถ ทานข้าว นั่งชิลดื่มกาแฟ Slow down ชีวิตตัวเองลง ได้อยู่กับตัวเอง สังเกตผู้คนเก็บเกี่ยวเรื่องราวระหว่างการเดินทาง มันได้ฟิลลิ่งของการเดินทางจริงๆ เดินทางมาถึงจังหวัดตราด ประตูแรกสู่เกาะช้าง “อนุสรณ์สถานยุทธนาวีเกาะช้าง” ภายในบริเวณมีลักษณะเป็นอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์….หันพระพักตร์ไปยังบริเวณยุทธนาวีเกาะช้าง ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะแวะมากราบสักการะและบางคนก็มาแก้บนจุดประทัด อันนี้ก็เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล เราก็ไม่พลาดแวะกราบสักการะเฉยๆ นะ ไม่ได้มาแก้บนจุดประทัดอะไรกับเขากันหรอก เสร็จแล้วก็เตรียมไปหาเรือข้ามฝาก เพื่อเดินทางต่อไปยังเกาะช้าง ซึ่งจะมี 2 ท่าเรือเฟอร์รี่ (แหลมงอบ) ไปกลับเกาะช้าง คือ ท่าเรือเซ็นเตอร์พอยท์ ชื่อดูไฮโซแต่บริหารงานโดยเทศบาลแหลมงอบร่วมกับภาคธุรกิจท่องเที่ยวท้องถิ่น ใช้เวลาข้ามฟาก ตามที่เขาแจ้ง 45 นาที เรือออกทุกต้นชั่วโมง ตั้งแต่ 06.00-19.00 ส่วนอีกท่า อ่าวธรรมชาติ ของ บริษัท CP ใช้เวลาข้ามฟาก 20 นาที เรือออกทุกครึ่งชั่วโมง ตั้งแต่ 06.30 น.-19.00 น. ค่าโดยสารท่าเรือเซนเตอร์พอยท์ อัตราค่าโดยสารไปกลับราคาคนละ 140 บาท รถยนต์ 4 ล้อ ไปกลับ คันละ 180 บาท ส่วนท่าอ่าวธรรมชาติ อัตราค่าโดยสารต่อเที่ยวราคาคนละ80 บาท รถยนต์ 4 ล้อ 120 บาท ซึ่งจะแพงกว่า เพราะอาจจะเป็นของเอกชน แต่หรูหราสะอาด และมีมาตรฐานกว่าเยอะ
มาเองครั้งแรก ก็ยังไม่รู้เรื่องท่าเรือ เจออันแรก ท่าเรือเซนเตอร์พอยท์ ก็เลยเลือกไปกับที่นี่ เราไปถึงบ่ายโมงกว่าๆ เรือออกไปแล้ว เลยต้องจอดรถรอคิวรอบใหม่ตอนบ่ายสองอีกเกือบชั่วโมง เวลาบ่ายสองได้เวลาเอารถลงแพขนานยนต์ซะมากกว่า นักท่องเที่ยวไม่เยอะมากแพค่อนข้างเก่า และ ผุ สนิมกินไปเยอะ ใช้เวลาเดินทางจริงๆ ก็ 40 นาที เสียเวลาตอนเอารถออกจากแพ รวมๆ แล้วก็เกือบชั่วโมง ออกจากท่าเรือ จะต้องตัดสินใจ จะเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา เพราะคนมาเที่ยวเกาะช้างจะมี 2 ฝั่ง เกาะช้างฝั่งตะวันตก เป็นโซนท่องเที่ยวที่คึกคักมากที่สุด มีชายฝั่งที่มีชายหาดให้เล่นน้ำเกือบเหนือจรดใต้ มีชายหาดขึ้นชื่อ คือ หาดทรายขาวหาดคลองพร้าว และหาดไก่แบ้ ออกจากท่าเรือต้องเลี้ยวขวา ส่วนเกาะช้างฝั่งตะวันออก เป็นแหล่งชุมชนคนท้องถิ่นที่ตั้งรกรากมาพร้อมกับอาชีพประมงบนเกาะช้าง บรรยากาศเงียบสงบ แต่ไม่ค่อยมีหาดทรายให้เล่นน้ำ เหมาะสำหรับการไปพักผ่อนเรียนรู้วีถีชีวิตชาวบ้าน อันนี้ต้องเลี้ยวซ้าย เราเลือกเลี้ยวขวาไปโซนไฮโซก่อนเลยฝนก็เทกระหน่ำ กับพายุฤดูร้อน โซนฝั่งตะวันตก จะเป็นแหล่งรวมที่พักร้านอาหาร โรงแรมหรูๆ และร้าน 7-11 ที่มีตลอดเส้นทาง มาเส้นทางนี้ไม่ต้องกลัวอดยาก อยู่ในแหล่งความเจริญแต่ราคาก็จะแพงขึ้นมาหน่อย จากปกติน้ำดื่ม ที่เราซื้อกันบนฝั่ง 7 บาท ที่เกาะช้างก็จะราคา 10 บาท อาจจะเพราะมีค่าขนส่ง แต่ของที่มีวันหมดอายุ จะราคาเกือบปกติ เช่นนมซื้อบนฝั่งกี่บาทบนเกาะช้าง ก็ราคาเท่ากันถ้าในร้าน 7-11 นะ
มาทางฝั่งตะวันตก ลองเซอร์เวย์ที่พัก ราคาสตาทร์ที่หลักพัน ถึงหลักหมื่น ก็ธรรมดาของโซนท่องเที่ยว ชายหาดไม่ต้องสำรวจ เพราะฝนตกหนักขนาดนี้ ดูชายหาดก็คงจะไม่ได้ เลยเปลี่ยนใจ ไปฝั่งตะวันออกกันบ้าง ขับมามาทางฝั่งนี้ เรียกว่าต่างกันลิบลับ ไม่มีร้าน 7-11 เลยสักร้าน ที่พักก็น้อย ตลอดเส้นทางมีแต่ป่าและเขา จุดหมายปลายทางเราจะมาทานอาหารเย็นที่ ร้านสลักเพชร ซีฟู้ด & รีสอร์ท เป็นร้านอาหารขึ้นชื่อของเกาะช้าง ร้านอาหารที่ไม่ใช่มีดีแค่รสชาติ แต่ยังมีวิวสวยๆ ท้ายเกาะช้าง เป็นร้านอาหารที่อยู่ในรูปแบบรีสอร์ท เราเลยเลือกพักที่นี่ซะเลย ต้องบอกว่าเป็นที่พักราคาหลักร้อยแต่วิวหลักล้าน ชีวิตบนเกาะช้างตลอดสามวัน เราจะฝากไว้ที่นี่แหละ มาถึงก็เย็นพอดี ทานอาหารเย็นกันก่อน ก่อนที่ครัวจะปิดตอนสองทุ่มบรรยากาศสงบ นั่งรับลมทะเล ฟินได้อีก ทานอาหารเสร็จ เข้าที่พัก ที่ต้องบอกว่าหรูหราไม่ธรรมดา กลับราคาที่จ่ายไป ถ้าเลือกจะมาพักผ่อนชิลๆ สำหรับคนงบน้อย แบบไม่อยากออกไปไหนไกล เน้นพักผ่อน แนะนำที่นี่เลย อาหารการกินพร้อม รับรองได้พักผ่อนดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด แม้จะไม่มีชายหาดให้เดินเล่นก็สามารถเดินถ่ายภาพแถวท่าเทียบเรือสลักเพชรได้เที่ยวชมหมู่บ้านชาวประมงเรียนรู้วิถีชีวิตที่ต่างไปจากเรา แลกเปลี่ยนมุมมองกับคนพื้นที่ ก็เป็นการเปิดโลกการเรียนรู้ให้กับตัวเองไปด้วย การเห็นอะไรใหม่ๆ นอกจากกิจวัตรประจำวันที่เราทำ
วันที่สองของการทัวร์เกาะช้างเริ่มต้นขึ้นแล้ว ตื่นเช้ามาเก็บภาพแสงดาว แสงเช้า ทานอาหารกันเรียบร้อย วันนี้เรามีโปรแกรมเที่ยวที่ Exclusive ที่ไม่มีอยู่ในโปรแกรมทัวร์ที่ขายทั่วไป เพราะวันนี้เราจะเหมาเรือไปเที่ยว 555… ดูไฮโซยิ่งนัก อิอิ… หลายคนจะบอกว่า “อ้าว!… เมื่อกี่ยังบอกว่างบน้อยอยู่เลย นี่เหมาเรือเที่ยวเลยหรอ” จะบอกว่าเอาเงินค่าที่พัก ก็นำมาเหมาะเรือหมดเนี่ยแหละ ฮ่าฮ่าฮ่า… อยากเที่ยวไม่เหมือนใครอ่ะเนอะ ก็ต้องลงทุนกันหน่อย เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเงินที่เสียไป เราจะได้ทอนคืนเงินทอนเป็นประสบการณ์ โปรแกรมเดินทางเช้านี้เราขึ้นเรือที่ร้านสลักเพชรเลย นอกจากจะทำร้านอาหาร ที่พักแล้ว ที่นี่ยังทำทัวร์ท่องเที่ยวด้วย เรียกว่ามาที่เดียวครบทุกอย่าง ลงเรือ Speed Boat ออกเดินทางไปเกาะกระดาด จุดเด่นของเกาะกระดาด คือ ฝูงกวางบนเกาะกระดาด ทิวต้นมะพร้าวที่เอนเอียงลิ่วล้อไปตามแรงลม โดยเฉพาะกับ ต้นมะพร้าวไฮไลท์ประจำเกาะที่เอียง เข้าหาทะเล เกาะกระดาดจัดว่าเป็นเกาะส่วนตัว ขึ้นจากเรือมานักท่องเที่ยวต้องเสียค่าเหยียบเกาะคนละ 150 บาท ราคานี่ รวมรถพาทัวร์เกาะกระดาดด้วย เกาะกระดาดเป็นเกาะที่มีการออกโฉนดถูกต้องตามกฎหมายมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 สาเหตุมาจากใน สมัยรัชกาลที่ 5 ฝรั่งเศสได้เข้ามาล่าอาณานิคมในแถบ เอเซียอาคเนย์ และพยายามยึดครองแผ่นดินของไทยเกาะกระดาดก็เป็นที่หมายหนึ่ง ของฝรั่งเศสด้วย รัชกาลที่ 5 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ออกโฉนดทีดินของเกาะขึ้น เพื่อให้รู้ว่าเกาะแห่งนี้คือผืนแผ่นดินไทย
ปัจจุบันบนเกาะกระดาด….มีกวางอาศัยอยู่นับพันตัว จนได้รับฉายาว่าเป็น “ซาฟารีกลางทะเล” และเป็นเกาะที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน UNSEEN THAILAND เนื่องจากเกาะกระดาดเป็นเกาะส่วนตัว จึงไม่มีอยู่ในโปรแกรมทัวร์ ทั่วไป สำหรับท่านที่จะมาพักที่นี่ มีรีสอร์ทไว้รองรับนักท่องเที่ยว ที่จะรับเป็นกรุ๊ป 10 ท่านขึ้นไป ราคาอยู่ที่ 2,500 บาท/ท่าน ร่วมอาหาร 3 มื้อ ดำน้ำ 1 จุด ที่พัก รถเที่ยวชมเกาะ และเรือรับส่งยังท่าเรือเกาะช้าง ท่านใดสนใจท่องเที่ยวเกาะกระดาดติดต่อได้ที่ คุณไก่ 08-9099-7917 และ 08-9202-1661
มาถึงเกาะกระดาด เจอแมสคอทของเกาะเลย กวางที่มาคอยต้อนรับนักท่องเที่ยว จริงๆ มันมาขอกินจาวมะพร้าวจากชาวบ้านมากกว่า อาหารโปรดของมัน จนเราคิดว่าเป็นสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านไปแล้ว ว่ากันว่าเดิมทีเจ้าของเกาะนำกวางจากเขาเขียวมาเลี้ยงไว้เพียง 2-3 คู่เท่านั้น แล้วมันก็ออกลูกออกหลานมาวิ่งเล่นกันจนเต็มเกาะ ด้วยเหตุนี้กวางบนเกาะจริงๆ ค่อนข้างตัวแคระแกน เพราะมันผสมพันธ์กันเอง ในธรรมชาติของสัตว์ที่อยู่รวมฝูงนั้นการผสมทั้งแบบ Line Breed และ Inbreed เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่าย และยากที่จะหลีกเลี่ยง ลูกที่เกิดจากการผสมทั้งแบบ Line Breed และ Inbreed นั้นลักษณะใดที่เด่น ก็จะเด่นเป็นสองเท่า ในขณะเดียวกันลักษณะใดที่ด้อย ก็จะด้อยเป็นสองเท่าเช่นกัน แต่กวางที่เกาะกระดาดน่าจะมียีนส์ด้อยเยอะ เพราะส่วนใหญ่ตัวแคระแกน เรานั่งรถชมกวาง และมาจบที่จุดไฮไลท์เกาะที่เป็นต้นมะพร้าวเอนยื่นลงไปในทะเล ไม่พลาดแวะเก็บภาพเป็นที่ระลึก
จากเกาะกระดาดนั่งเรือออกมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เราก็มาถึงเกาะขาม อยากหยุดเวลาไว้ที่นี่จริงๆ นี่คือสิ่งที่เราตามหา ทะเลสวยน้ำใส ฟ้าสีคราม แม้วันที่เราไปฟ้าจะไม่เป็นใจ แต่เกาะขาม ฉายาไข่มุกมรกตแห่งท้องทะเลตราด ก็ทำให้เราตกหลุมรักทะเล น้ำทะเลใสตลอดปีหาดทรายสีขาวละเอียด มีหินภูเขาไฟตั้งอยู่เรียงราย และสันทรายทอดยาวกว่า 300 เมตร ยามน้ำลด จะเหมือนทะเลแหวก ที่สวยมาก ทั้งยังมีสะพานไม้ทอดยาว เหมาะกับการเดินเล่นเก็บภาพ Landscape และ Portrait นั่งพักผ่อนชื่นชมความสวยงาม ดื่มดำกับธรรมชาติ ไม่พลาดที่จะหยิบกล้องมาบันทึกภาพความทรงจำ ลืมบอกไปจุดนี้ก็เป็นเกาะส่วนตัวอีกเหมือนกัน ต้องเสียค่าเหยียบเกาะคนละ 200 บาท ไปแลกน้ำดื่มได้ 1 กระป๋อง เราเลยได้ดื่มน้ำอัดลมที่ราคาแพงมาก กระป๋องละ 200 บาท 555… จากเกาะขาม ออกเรือมาหน่อยเราก็จะมาถึงเกาะหมาก เรียกว่าเป็นอีกฟิลหนึ่งเลย แม้จะห่างกันเล็กน้อย แต่ชายหาดที่เกาะหมากไม่สวยน้ำไม่ใส แต่ไม่ต้องเสียค่าเหยียบเกาะ จุดนี้เรามาแวะทานข้าวเที่ยง ทานข้าวเสร็จ เราเลยขอไปจุดไฮไลท์ที่ใครๆ มาเกาะช้างก็ต้องมาจุดที่นี่ นั่นคือ เกาะรัง ที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง จุดนี่เสียค่าธรรมเนียมคนละ 40 บาท และค่าเรืออีก 100 บาท เป็นจุดไฮไลท์ของการมาดำน้ำดูปะการัง ซึ่งจุดดำน้ำก็จะมีเกาะยักษ์ใหญ่ เกาะยักษ์เล็ก เกาะมะปริง เรามาถึงเกาะยักษ์ใหญ่วนเรือถ่ายรูป และนั่งทำใจจะดำน้ำหรือไม่ดำน้ำดี คิดสะระตะอยู่หลายตลบ ก็ไม่ดำดีกว่า เพราะตั้งแต่ทริปหมู่เกาะสุรินทร์ มาต่อด้วยทริปภูเก็ต ตัวยังดำไม่หาย แล้วเพิ่งไปยื่นท้าแดดที่เกาะขามมาอีก อย่าเพิ่งเร่งสีผิวตัวเองดีฝ่า ล่องเรือโต้คลื่นกลับที่พักกว่า 1 ชั่วโมง เรียกว่ากระแทกกันมาอย่างสะบักสะบอม ต้องขอกลับไปงีบชาร์ทพลังให้ตัวเองก่อน นอนฟังเสียงคลื่นทะเล เคล้าสายฝน ได้อารมณ์เหงาสำหรับคนอกหัก คงได้นั่งน้ำตาไหลกันแน่ๆ สำหรับคนที่อกหักอยู่ ก็บรรยากาศมันพาไป
วันสุดท้ายกับการอำลาเกาะช้าง ตื่นมาแต่เช้าจากที่พักออกมามองดูฟ้า ก็อดไม่ได้ทีจะออกมาเก็บแสงเช้า เป็นที่พักที่คุณเพียงเดินออกมาไม่กี่ก้าว ก็ดื่มดำกับทะเลยามเช้าได้แล้ว ด้วยว่าฝั่งด้านที่เราพักเป็นฝั่งตะวันออก เป็นฝั่งที่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น แต่พระอาทิตย์ของเราขึ้นมาก็เจอเมฆดักทั้งสองวันติด ได้แต่แสงสะท้อน ก็พอถูไถไปได้บ้าง ทานอาหารเช้าแพคกระเป๋าออกเดินไปท่าเรือ กลับเข้าสู่โหมดของการแข่งขัน กันตั้งแต่ท่าเรือเลย เวลากลับจะต่างจากตอนมา คือจะออก ทุกชั่วโมงเหมือนกัน แต่เป็น 6.30, 7.30 น. 8.30 น. อะไรประมาณนี้ ใครจะกลับวางแผนกันดีๆ ด้วย เพราะคนกลับค่อนข้างเยอะมาก ถ้ามาช้า เนื่องจากเรือบรรทุกรถยนต์ได้ 25 คัน ถึงมาเป็นคันที่ 26 รอกันไปอีกหนึ่งชั่วโมง เรือบรรทุกคนได้ 150 คนแต่ดูท่าจะเกิน ท่าเรือไม่มีลิมิตในการรับคนในแต่ละรอบที่นั่งจึงไม่พอกับจำนวนคน การควบคุมคุณภาพต้องบอกว่าเทียบท่าเรืออ่าวธรรมชาติคงไม่ได้ แต่ค่าโดยสารถูกกว่า ใครจะมาก็ตัดสินใจเลือกกันดูว่าจะเดินทางอย่างไง ส่วนสวรรค์บนเกาะ ก็เก็บเกี่ยวไว้ในความทรงจำ ได้เวลากลับไปทำงานแล้วสิ Bye..Bye Koh Chang