เรื่อง+ภาพ : eyejung
ทริปนี้เรายังอยู่ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังจากเราเที่ยวหัวหินไปแล้ว 2 ตอน ตอนนี้เราอยากพาทุกคนไปเที่ยวมุมอื่นๆ ของประจวบคีรีขันธ์กันบ้าง หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไม eyejung ทำไมไปเที่ยวแต่ประจวบ คงต้องบอกในสถานการณ์แบบนี้การหาแหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุงดูจะตอบโจทย์ ณ เวลานี้เป็นที่สุด เราสามารถเลือกเที่ยวใน 1 จังหวัดได้หลากหลายรูปแบบ เรียกง่ายว่ามีทางเลือกให้เราไปเที่ยวได้มากมายในช่วงเวลาที่จำกัด
การมาเที่ยวครั้งนี้เราก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวหินอยู่ กับสถานที่เที่ยวที่หลายคนอาจจะเคยไปหรือไม่เคยไปก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่วันนี้ eyejung จะพาทุกคนไปเที่ยวหมู่บ้านช้างที่หัวหิน ซึ่งเราเองก็ไม่เคยไปเที่ยว แม้จะมาหัวหินหลายสิบรอบแล้วก็ตาม ครั้งนี้เราจึงต้องพึ่งพา GPS ซึ่งหมู่บ้านช้าง หัวหิน (Hua Hin Elephant Village) ตั้งอยู่ห่างจากถนนเพชรเกษมบริเวณตลาดหัวหินไปประมาณ 2.5 กิโลเมตร ตามเส้นทางหัวหิน-หนองพลับ (ทางเดียวกับไปน้ำตกป่าละอู) หาไม่ยากมีป้ายบอกทางให้เห็นเป็นระยะ ที่นี่จะมีบริการขึ้นหลังช้างเดินลุยน้ำสัมผัสความน่ารักของช้างน้อยแสนรู้พบการแสดงมินิโชว์ของช้างน้อยแสนรู้ช้างวาดภาพ เล่นดนตรี ที่หมู่บ้านช้างแห่งนี้มีนโยบายการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สภาพภูมิทัศน์ป่าเขาที่คงความเป็นธรรมชาติ ไม่ทำให้ป่าเสื่อมโทรม วิถีชีวิตดั้งเดิมของผู้เลี้ยงช้างและส่งเสริมอนุรักษ์ช้างไทยไม่ให้สูญพันธ์ เป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ แต่ด้วยสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 เราเลยแค่ไปให้อาหารช้าง และด้วยสถานการณ์ที่ไม่มีนักท่องเที่ยวทำให้หมู่บ้านช้างเงียบเหงา ใครอยากแล้วสนับสนุนค่าอาหารช้างสามารถตามรอยไปเที่ยวกันได้ที่หมู่บ้านช้างหัวหิน เข้าชมฟรี ซื้ออาหารเลี้ยงช้างกันได้นะคะ
หมู่บ้านช้าง หัวหิน (Hua Hin Elephant Village)
ที่อยู่ : บ้านเขาน้อย ต.หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 77110
เบอร์ติดต่อ 032-516181
GPS 12°35’16.8″N 99°56’05.3″E
จากหมู่บ้านช้างเราเดินทางกันมาต่อที่ วัดเขากะโหลก ตั้งอยู่ในอำเภอสามร้อยยอด ก่อนถึงหาดเขากะโหลก เป็นอีกวัดหนึ่งที่มีความสวยงามทางสถาปัตยกรรมมีพระวิหารสีทองอร่ามตาและลวดลายของพระวิหารและกำแพงที่รายล้อมสวยงาม มีภูเขาของสามร้อยยอดอยู่รอบด้าน ภายในพระวิหาร ก็จะประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายไม่ว่าจะเป็น กรมหลวงชุมพร เสร็จพ่อ ร.5 ที่น่าสนใจคงจะเป็นหลวงพ่อหว่าง อุตุตโม เจ้าอาวาทองค์แรกของวัดเขากะโหลกแห่งนี้ ไหว้พระขอพรกันแล้ว ไปเดินสำรวจหาดเขากะโหลกกันต่อ เราได้เห็นร่องรอยแห่งการเฟื่องฟู มีรีสอร์ท มีที่พัก แต่ตอนนี้ปิด บางแห่งก็ต้องตั้งป้ายว่ามีห้องว่าง ร้านค้าที่เคยมีปิดกันหมด สถานการณ์แบบนี้เราได้เห็นแค่ความเงียบเหงา
ริมทะเลเลียบหาดเขากะโหลกเราจะได้เห็นอาชีพชาวประมงชายฝั่งเรือเล็กอยู่จอดเรียงรายจำนวนมาก เลียบยาวตั้งแต่ปากน้ำปรานยาวจนมาถึงเขากะโหลกแห่งนี้ อาหารทะเลที่นี่จึงขึ้นชื่อเรื่องความสดๆ ทั้งกุ้ง ปู ปลา และทีสำคัญปลาหมึก ซึ่งเป็นของฝากอันเลื่องชื่อ ปลาหมึกแดดเดียวที่อร่อยที่สุดในโลก ตามที่ป้ายประกาศขนาดใหญ่ จากความภูมิใจของชาวบ้านที่นี่ คุณสามารถทานอาหารทะเลสดๆ จากร้านอาหาร หรือจะซื้อกลับไปประกอบเองที่บ้าน รวมทั้งของฝากอาหารแห้งจากทะลปราณแห่งนี้ แต่วันที่เราไปร้านค้าปิดหมด เราจึงได้แค่เห็นเรือประมงที่จอดกับน้ำทะเลใสๆ แวะถ่ายภาพกันนิดหน่อย เราก็เดินทางต่อกับอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ที่ไม่ได้มีดีแค่ทะเลสวย ครั้งนี้ eyejung จะพาไปเที่ยวป่าเขาลำเนาไพรกันบ้าง
ที่นั้นคือ น้ำตกป่าละอู อยู่ทางตอนใต้ของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ในท้องที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ห่างจากหัวหินประมาณ 60 กิโลเมตร ใกล้หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กจ.3 (ห้วยป่าเลา) น้ำตกที่นี่ จะมีด้วยกันทั้งหมด 15 ชั้น แต่ละชั้นก็จะสวยงามแตกต่างกันออกไป และทางเดินขึ้นไปที่น้ำตกนั้นก็จะยากขึ้นตามลำดับ ทางอุทยานจึงอนุญาตให้ท่องเที่ยวได้แค่ชั้น 5 เท่านั้น เพราะเส้นทางที่ลาดชันเลยต้องจำกัดเพื่อความปลอดภัย
น้ำตกชั้นแรกๆ จะเป็นน้ำตกขนาดเล็ก และจากชั้นที่ 5 เป็นต้นไป จะมีขนาดสูงใหญ่ขึ้น โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเที่ยวถึงบริเวณชั้น 5 เท่านั้น เนื่องจากน้ำตกแต่ละชั้นสูงชัน ต้องปีนขึ้นไปพอสมควร และจากน้ำตกชั้นที่ 15 ไปต่ออีกไม่ไกลก็จะถึงเขตพรมแดนไทย-พม่าเลย แม้จะเปิดให้ท่องเที่ยวแค่ชั้น 5 บางช่วงก็ต้องปีนปายโหนเชือกขึ้น ซึ่งใครจะมาเที่ยวแล้วอยากเดินให้ครบทุกชั้นควรเผื่อเวลาในการเดินทาง และในช่วงเดือนเมษายนจะมีผีเสื้อนานพันธุ์ ทั้งตามลำธาร หรือน้ำตก เพราะบริเวณนั้นเต็มไปด้วยธาตุอาหารที่ผีเสื้อต้องการ จุดดูผีเสื้อ คือบริเวณ สะพานข้ามห้วยชลนาฏ เป็นสะพานคอนกรีต ที่อยู่ระหว่างทางไป น้ำตกป่าละอู จะอยู่ที่วังสมพง บริเวณชั้นที่ 1 ของน้ำตก และบริเวณฝาย 1 อยู่ใกล้ห้วย ไม่ไกลจากบ้านพักเจ้าหน้าที่ บริเวณนั้นจะมีผีเสื้อหลายชนิดที่พบเห็นได้ง่าย ไม่ว่าจะ ผีเสื้อจรกา ผีเสื้อหางแหลม ผีเสื้อสีอิฐธรรมดา หรือผีเสื้อที่หายากก็มี นอกจากผีเสื้อที่นี่จะมาปลาพวง ที่สามารถซื้ออาหารมาเลี้ยงปลาได้ และส่วนใครที่อยากมาปิคนิคเอาอาหารมาทานเจ้าหน้าที่อนุญาตให้ทานอาหารได้แค่ชั้น 1 ถ้าจะขึ้นไปเที่ยวชั้นอื่นๆ อนุญาตให้พกแค่น้ำเข้าไปดื่มเท่านั้น
พอมาถึงทางเดินขึ้นชั้น 2 จุดทางขึ้นก็วัดใจพอสมควรว่าจะไปต่อหรือหยุดอยู่ตรงนี้ แต่เราเลือกจะไปต่อ ด้วยแรงเชียร์จากเจ้าหน้าที่ว่ายากแค่ตรงนี้แหละ แล้วมันก็มีเรื่องราวให้เราเป็นภาพจำอีกหนึ่งบทเรียนในชีวิตเราเลย 555…. เริ่มที่ชั้นสองก็เป็นน้ำตกที่มีปลาพวงเยอะ ถ่ายไปนั่งชิลเอาขาแช่น้ำ มันเป็นโมเม้นที่ได้จากการเดินทาง ที่คุณจะไม่มีความรู้สึกได้จากการแค่ดูรูป พอผ่านชั้น 2 ทางเดินยังถือว่าชิว แต่เหตุก็ก็ขึ้นเมื่อเราเดินไปชั้น 3 ตั้งกล้องหามุมถ่ายภาพ วางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ และมันก็อยากเล่นสไลด์เดอร์ลื่นลงไปเล่นน้ำตกต่อหน้าต่อตาอย่างนั้น ฮ่าฮ่าฮ่า… เดือดร้อนชาวบ้านขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าน้ำมันลึกมันอันตราย จนเราถอดใจไม่เอาแล้ว และแล้วก็มีอัศวินขี้ม้าขาวมาช่วย นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวท่านอื่นมาสอบถาม จน eyejung ต้องบอกโทรศัพท์ล่วงน้ำ ถ้าใครหาได้ให้ 1,000 บาท เท่านั้นแหละพลังการช่วยเหลือก็พลั่งพลูมา และในที่สุดเราก็ได้โทรศัพท์คืน ตั้งแต่ที่ซื้อโทรศัพท์มาเรารู้สึกเลยว่าเราเลือกรุ่นถูก เพราะวันนี้เราได้เห็นประสิทธิภาพของการกันน้ำของ SONY Xperia XZ Premium ที่กันน้ำในความลึกไม่เกิน 1.5 เมตร แม้โทรศัพท์ eyejung จะจมอยู่ในน้ำเกือบ 1 ชั่วโมง แต่เมื่อเอาขึ้นมาเช็คทำความสะอาดก็ยังใช้งานได้ปกติ เรียกว่าได้บทเรียนราคาแพงเลย ได้โทรศัพท์คืนมาเราก็พร้อมไปต่อ เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าชั้นที่สวยที่สุดคือชั้นที่ 4 แต่ครั้งนี้เราก็ทำภารกิจมิชชั่นคอมพีท เราสามารถเดินทางชั้น 5 แม้จะรู้สึกเหนื่อย และปลายทางอาจไม่สวยงาม แต่ช่วงเวลาระหว่างมันก็น่าจดจำเสมอ
ที่อยู่ : น้ำตกป่าละอู ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอป่าละอู จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
พิกัด : https://goo.gl/maps/9FDLo3188MHdjuZn9
เปิดให้เข้าชม : 08.00-17.00 น.
จากน้ำตกป่าละอู่คืนนี้เราเลือกกลับไปนอนที่ตัวเมืองหัวหิน ก่อนกลับแวะไหว้พระขอพรกันสักนิดหลังจากไปสร้างวรีกรรมความวุ่นวายให้หลายคนต้องมาช่วยงมหาโทรศัพท์ กับอีกหนึ่งวัดชื่อดังของอำเภอหัวหินกันที่ “วัดห้วยมงคล” เป็นวัดที่ประดิษฐานรูปเหมือนหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลกแต่เดิมใช้ชื่อว่า “วัดห้วยคต” ตั้งอยู่ในชุมชนบ้านห้วยคต ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชทานนามใหม่จากห้วยคตเป็นห้วย “มงคล” รวมถึงใครที่ศรัทราใน ไอ้ไข่ ที่นี่ก็มี ไอ้ไข่ องค์ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ใครมีความเชื่อความศรัทราก็สามารถไปไหว้พระและขอพรกันได้
วันที่สองเรายังคนเที่ยวแบบสาย Adventure โปรแกรมวันนี้เราจะไปเที่ยวดูช้างกันที่กุยบุรีกัน อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดประจวบฯ วันนี้โปรแกรมเราแบบชิลๆ เลยขอแวะพาไปทานข้าวอีกหนึ่งร้านดังที่อยากแนะนำ ยกซดซีฟู้ด ร้านอาหารดังแห่งสามร้อยยอด-ปราณบุรี ส่วนใหญ่ใครไปเที่ยวอุทยานเขาสามร้อยยอดจะต้องแวะทาน แต่ครั้งนี้เราตั้งใจไปทาน เพราะว่าใช้สิทธิเราเที่ยวด้วยกันได้ด้วย เป็นร้านอาหารทะเลที่มีจุดเด่นในเรื่องความสดสะอาด อร่อย และราคาไม่แพง บรรยากาศในร้านร่มรื่นชวนผ่อนคลาย เพราะด้วยความสวยของป่าชายเลน ทานอาหารไปให้อาหารปลาไปด้วยเพลินๆ ดี
ทานข้าวกันแล้วเราจะไปเที่ยวต่อกับการดูช้างกันต่อที่กุยบุรี ที่ขึ้นชื่อว่าซาฟารีเมืองไทย ซึ่งจุดชมช้างป่าตั้งอยู่ที่บ้านรวมไทย ม.7 ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 20 กม. สามารถเดินทางโดยรถยนต์ และไปใช้บริการรถยนต์พื้นที่โดยไกด์ท้องถิ่นนำเที่ยวชม เพราะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระจากช้าง ทางอุทยานจึงให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบมีโอกาสเข้ามารายได้จากการท่องเที่ยว โดยชุมชนจัดทั้งขึ้นมาและทางอุทยานทำหน้าที่ควบคุม ราคารถนำเที่ยวอยู่ที่คันละ 850 บาท ไม่รวมค่าเข้าอุทยาน ถือว่าเป็นการหาทางออกของคนในพื้นที่และช้างที่อยู่ในพื้นที่ได้อย่างลงตัว การดูสัตว์ป่าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จึงกลายเป็นต้นแบบที่ทำให้หลายๆ พื้นที่ ที่มีปัญหาเรื่องสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่ อยากจะทำตาม แต่ก็ขึ้นกับปัจจัยในพื้นที่แต่ละพื้นที่ด้วย
กิจกรรมดูสัตว์ป่าในผืนป่ากุยบุรี โดยสามารถดูช้างป่า กระทิง วัวแดง และสัตว์ป่าได้ คือ ช่วงเช้าตรู่และเย็น เวลาที่เหมาะสมที่สุดคือ 15.00-18.00 น. ไม่ควรเข้าไปใกล้กับช้างป่าหรือสัตว์ป่าทุกชนิด อีกแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นห้องเรียนธรราชาติที่ทำให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ไปกับการท่องเที่ยว
การเดินทาง ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ประมาณหลักกิโลเมตรที่ 295 แยกขวาเข้าทางหลวงจังหวัดหมายเลข 3217 (กุยบุรี-ยางชุม) ระยะทาง 20 กิโลเมตร ถึงบ้านยางชุม แล้วแยกซ้ายตามถนนข้างอ่างเก็บน้ำยางชุม ถึงบ้านย่านซื่อ ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร และแยกซ้ายระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานฯ และจุดเปลี่ยนรถไปดูช้างป่า
วันนี้เราไม่ได้เจอช้างมากเท่าไหร่ และเห็นกระทิงในระยะไกลๆ แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า การเดินทางเราก็ยังคงดำเนินต่อไปคืนนี้เราก็เปลี่ยนที่นอนมานอนที่ กุยบุรี โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท เป็นที่พักติดทะเล ตั้งอยู่บนชายหาดส่วนตัวบริเวณหาดบ่อนอก อยู่ห่างจากตัวเมืองหัวหินประมาณหนึ่งชั่วโมงหากเดินทางโดยรถยนต์ โรงแรมมีจักรยานสามารถเอาไปปั่นเล่นได้ ห้องพักถือธรรมดามาตรฐานทั่วไปไม่ได้รู้สึกถึงความประทับใจ แต่ถือว่าวิวโอเค สำหรับใครที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวหลีกหนีความวุ่นวายมาพักกายพักใจ ที่นี่อาจจะตอบโจทย์ เพราะหาดบ่อนอกเป็นชายหาดที่เงียบสงบมาก น้ำทะเลอาจจะไม่ใสเหมือนหัวหิน แต่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสวยงามที่ซ่อนอยู่ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
การเดินทางทำให้เรารู้ว่า ถ้าวันนี้เราไม่ออกเดินทาง เราคงไม่รู้ว่าปลายทางมันสวยงามแค่ไหน Bye..eyejung