เรื่อง+ภาพ : ชลิต ผดุงชีพ
บทความนี้มาจาก Camerart Magazine 253/2018 Ocetober
สวัสดีครับ “หนึ่ง” ครับ ชลิต ผดุงชีพ FUJIFILM X-Photographer Thailand 2015 ครับ โดยปกติก็จะเป็น Weekend photographer นะครับ ก็จะใช้กล้องเป็นอุปกรณ์ในการเก็บภาพความประทับใจจากสถานที่ๆ ได้ไปเที่ยวมา ครั้งนี้ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากนะครับ ที่มีโอกาสได้ร่วมทดสอบกล้องรุ่นใหม่ของ FUJIFILM รุ่น X-T3 เป็นเวลา 2 เดือน หลังจากเมื่อปีที่ผ่านมามีโอกาสได้ร่วมทดสอบกล้องรุ่น X-E3 ไปแล้วครั้งหนึ่ง
สเปคเด่นที่สำคัญในกล้อง FUJIFILM X-T3
– เซ็นเซอร์ BSI X-Trans CMOS 4 ขนาด 26 Mega Pixel
– ระบบ Hybrid Focus 425 จุด
– Auto Focus มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ทั้ง Face Detection และมี Eye Dectection
– ถ่ายภาพต่อเนื่องได้ 20 ภาพต่อวินาที พร้อม Auto Focus
– สามารถถ่ายภาพได้ 11 ภาพต่อวินาทีเมื่อใช้ Mechanical Shutter
– ถ่ายภาพต่อเนื่องแบบ 30 ภาพต่อวินาทีในโหมด 1.25x Crop ‘Sport Finder Mode’
– หน้าจอแสดงผล Electronic View Finder (EVF) มีความละเอียด 3.69 ล้านจุด
– หน้าจอ Three-Axis Tilting รองรับการสั่งงาน Touch Screen
– วีดีโอบันทึกความละเอียดแบบ 10 บิต 4:2:0 H.265 Internal Video Capture (4:2:2 over HDMI)
– UHD/DCI 4K/60p จะครอปภาพ 1.18x
– UHD/DCI 4K/30p จะใช้พื้นที่เต็มเซ็นเซอร์แบบไม่ครอป
– Internal F-Log Capture หรือว่ารองรับการถ่ายวีดีโอแบบ Log
– มีช่องใส่เมมโมรี่การ์ด Dual UHS-II SD Card จำนวน 2 ช่อง
– USB Type-C Connector ใช้สำหรับชาร์จแบตเตอรี่
– ช่องเสียงไมโครโฟน และหูฟัง มีมาให้ครบเลยที่เดียว
FUJIFILM X-T3, 1/2500 sec., f/2, ISO 200
FUJIFILM X-T3, 1/3 sec., f/7.1, ISO 200
FUJIFILM X-T3, 1/640 sec., f/2.8, ISO 1600
กล้อง Digital ตัวแรกที่ได้ใช้ก็คือ FUJIFILM X-M1 แล้วก็ได้เปลี่ยนมาเรื่อยๆ เป็น X-T1 , X-Pro2 จนปัจจุบันก็ใช้อยู่ 2 รุ่นคือ X-T2 และ X-E3
สัมผัสแรกกับ X-T3 ต้องบอกว่ามีความคุ้นมือเป็นอย่างมาก เนื่องจากทั้งขนาด รูปร่าง และปุ่มใช้งานก็แทบไม่แตกต่างจาก X-T2 เลยทีเดียว และสิ่งที่ยังสงสัยว่าทาง Fuji จะสามารถพัฒนาอะไรเพิ่มเติมให้กับกล้อง X-T series นี้ได้อีก ซึ่งเดี๋ยวเราก็จะมาดูในรายละเอียดกันนะครับ
เริ่มจากตัวกล้องก่อน X-T3 เป็นกล้องรุ่นล่าสุดของ X-T series FUJIFILM X-T3 จัดว่าเป็นอีกกล้องเรือธงตัวล่าสุดจาก FUJIFILM ที่อัพเกรดอย่างก้าวกระโดด ใช้เซ็นเซอร์ X-Trans CMOS 4 และหน่วยประมวลผลตัวใหม่ X Processor 4 ที่เป็นเซ็นเซอร์แบบ BSI CMOS ขนาด 26.1 ล้านพิกเซล ระบบ Hybrid Focus 425 จุด เรียกว่ามีความแม่นยำในจับโฟกัส ทั้งแบบโซนกับแทรกกิ้ง และเร็วมากในการติดตามวัตถุที่มีการเคลื่อนไหว เซ็นเซอร์สามารถอ่านได้เร็วมากขึ้นกว่า 1.5 เท่า แถมยังความเร็วโฟกัสเร็วขึ้นกว่า XT2 จนรู้สึกได้เลยทีเดียว โดยเฉพาะกับเลนส์ที่เทเลตัวใหม่ของฟูจิ การออกแบบในการจับถือ มีความถนัดมือมากขึ้น โครงสร้าง Body มีความสมบุกสมบันในตัวสูงตัวกล้องเองเป็นระบบ weather seal สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ในระดับที่สามารถวางใจได้ระดับนึ่ง เมื่อนำไปใช้ในสถานการณ์โหดๆ เจอคลื่นทะเลหรือฝุ่นดินลูกรังซัดเข้าเต็มๆ จากการถ่ายโมโตครอส กล้องก็ยังสามารถใช้งานได้จนจบภารกิจสามารถส่งรูปได้ตามที่ตั้งไว้โดยที่ไม่พังคามือไปซะก่อน
FUJIFILM X-T3, 1/160 sec., f/4.5, ISO 200
FUJIFILM X-T3, 20 sec., f/1.4, ISO 1600
FUJIFILM X-T3, 25 sec., f/11, ISO 200
ในส่วนของปุ่มควบคุมต่างๆ ก็สามารถปรับตั้งเป็นคีย์ลัด เพื่อให้สามารถควบคุมกล้องได้อย่างรวดเร็ว และเหมาะกับการทำงานของแต่ละบุคคลได้เป็นอย่างดี โดยที่ได้เพิ่ม Touch pad มาอีก เพื่อให้สามารถเพิ่มคีย์ลัดเพื่อตอบสนอง Function ในการทำงานที่มีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม โดยเราจะสามารถควบคุมการทำงานของกล้องได้ด้วยมือขวาเพียงมือเดียว และใช้มือซ้ายเป็นตัวประคองกล้องกับปรับค่ารูรับแสงเท่านั้น
จอพับได้รับการพัฒนามาจากรุ่นแรกๆ ที่สามารถพับขึ้นลงได้เพียงอย่างเดียว ให้สามารถพับในแนวตั้งได้อีกเพื่อให้สามารถถ่ายภาพแนวตั้งในมุมต่ำได้สะดวกมากขึ้น รวมถึงการปรับปุ่มปลดล็อคจอให้สามารถใช้งานง่ายและพับจอได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้นอีก
อีกหนึ่งในความละเอียดลออของผู้ออกแบบคือปุ่มปรับสายตา ซึ่งเดิมทีจะปรับค่อนข้างยากเนื่องจากมีขนาดเล็กและแนบติดกับตัวบอดี้ และยังอยู่ในมุมที่ปรับได้ไม่ค่อยถนัดนัก ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นแบบดึงออกมา ให้ปรับได้สะดวกมากขึ้น และกดลงเพื่อล็อคเมื่อปรับสายตาเสร็จ ซึ่งก็จะช่วยไม่ให้ปุ่มเคลื่อนเองจากการที่ไปสีกับกระเป๋าหรืออื่นๆ ได้ ที่ผ่านมาร่วมๆ สองเดือนหลังจากปรับปุ่มครั้งแรกแล้วก็ไม่ต้องมาปรับตั้งอีกเลย
ระบบโฟกัสก็ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมโดยมีจุดโฟกัส 425 จุดโดยครอบคลุมเต็มพื้นที่ของเซ็นเซอร์เลยทีเดียว ทำให้เวลาที่ถ่ายภาพแนว minimal ซึ่งบางครั้งเราจะวาง subject อยู่ตรงขอบภาพบ้าง เราก็สามารถเลื่อนจุดโฟกัสไปตรงจุดที่เราต้องการได้เลย โดยไม่ต้องอาศัยการโฟกัสแล้วต้องมา Recompose ภาพอีกที การโฟกัสในที่แสงน้อยก็ทำได้ดีขึ้น Tracking focus ไม่ว่าจะเป็น Zone tracking หรือ Wide tracking ก็สามารถติดตาม subject ได้เป็นอย่างดี รวมถึงการถ่ายต่อเนื่องที่สามารถรัวได้ถึง 11 fps ใน mode mechanic shutter หรือ 20 fps ใน mode electronic shutter หรือเพิ่มได้ถึง 30 fps ใน mode sport finder ช่วยให้เราสามารถถ่ายภาพในแนวแอคชั่นหรือกีฬาแล้วมีโอกาสได้ภาพมากขึ้น
FUJIFILM X-T3, 1/200 sec., f/16, ISO 200
FUJIFILM X-T3, 1/250 sec., f/16, ISO 200
FUJIFILM X-T3, 120 sec., f/4, ISO 200
ระบบทัชสกรีนก็ช่วยให้สามารถใช้กล้องได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นการย่อขยายภาพ เปลี่ยนจุดโฟกัส หรือแม้กระทั่งใช้ในการลั่นชัตเตอร์ซึ่งก็มีความนุ่มนวลมากกว่าการกดที่ปุ่มชัตเตอร์โดยตรง และสามารถใช้เพื่อลดการสั่นไหวแทน remote shutter ได้เป็นอย่างดี
ความละเอียดของไฟล์ที่เพิ่มมาเป็น 26 ล้านพิกเซล ก็ทำให้เราได้ขนาดไฟล์ภาพที่ใหญ่ขึ้น และน่าจะด้วยการบริหารจัดการเรื่องความร้อนที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการหรี่ความสว่างหน้าจอลงเมื่อเราเปิดกล้องรอเป็นเวลานาน ซึ่งก็จะสามารถช่วยประหยัดพลังงานและก็ลดความร้อนจากหน้าจอไปด้วยในตัว ทำให้ปัญหาเรื่อง Hot pixel ซึ่งมักจะเป็นปัญหาหลักของกล้องระบบ mirrorless ที่มีความละเอียดไฟล์สูงๆ เมื่อนำไปถ่ายในที่แสงน้อยและถ่ายแบบ long exposure เรากลับไม่พบ Hot pixel จากไฟล์ jpeg ที่ออกมาจากตัวกล้องเลย
FUJIFILM X-T3, 1/100 sec., f/2.8, ISO 200
FUJIFILM X-T3, 1/400 sec., f/3.5, ISO 200
FUJIFILM X-T3, 1/2000 sec., f/2, ISO 500
FUJIFILM X-T3, 1/1000 sec., f/4.5, ISO 200
FUJIFILM X-T3, 1/3200 sec., f/3.6, ISO 200
FUJIFILM X-T3, 1/800 sec., f/6.4, ISO 200
FUJIFILM X-T3, 1/400 sec., f/1.2, ISO 1000
อีกหนึ่งจุดเด่นของกล้อง X-series ของฟูจิก็คือ Film simulation ซึ่งมีให้เลือกได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Provia, Velvia, Classic chrome, Acros หรือ Film simulation Eterna ที่ถูกใส่เข้ามาเพิ่มใน X-T3 ก็ช่วยให้เราสามารถปรับ mood & tone ของภาพได้อย่างที่เราต้องการ ทำให้สามารถนำภาพที่ถ่ายจากตัวกล้องนั้นสามารถนำไปใช้งานได้เลย โดยที่ไม่ต้องผ่านการปรับแต่งในภายหลัง
โดยรวมๆ ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา X-T3 สามารถตอบสนองการใช้งานของผมได้เป็นอย่างดี ด้วยระบบกล้องและเลนส์ที่มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ไม่เป็นภาระในการเดินทาง สามารถใช้งานได้อย่างสมบุกสมบัน มีคุณภาพไฟล์ที่ดีขึ้น มีระบบโฟกัสที่รวดเร็วฉับไวมากขึ้น ทำให้เรามีโอกาสได้ภาพมากขึ้น เป็นกล้องที่เหมาะที่จะพกพาไปใช้ได้ในทุกๆ โอกาสครับ