เรื่อง : eyejung, ภาพ : ทีม CAMERART
บทความนี้มาจาก Camerart Magazine ฉบับ 251/2018 August
บอกไว้ว่าทริปนครนายกมีอะไรดี ทำไมเพียงแค่สองวันทริปเราก็เต็มแบบล้นหลาม แต่ก่อนจะไปติดตามความสนุก เราก็มีสาระดีมาเสิร์ฟผู้ลงทะเบียนอบรมถ่ายภาพ กับคอร์สครั้งที่ 4 ของปีนี้ ในหัวข้อเทคนิคการวัดแสง ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการถ่ายภาพ พอเราเรียนรู้เรื่องการถ่ายภาพเบื้องต้นรู้จักกับการใช้อุปกรณ์ของตนเองแล้ว ก็มาต่อคอร์สนี้กันเลย เรียนรู้ภาคทฤษฎีแล้ว เราก็มาต่อภาคสนาม ช่วงลองของกับทริป…วันเดย์ทริป…ที่วนมาจัดที่จังหวัดนครนายก นอกจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่พวกเราไปกันประจำ จังหวัดนครนายกจังหวัดเล็กๆ ที่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆที่น่าสนใจอีกมากมาย
อย่างที่บอกว่าทริปนี้เป็นที่กล่าวขวัญมากที่สุด เรื่องการจองร่วมกิจกรรมกรรมไม่ทัน ถึงมีขนาดจับกลุ่มเอาไปปรับทุกข์ว่า ไปแอบจองกันยังไง ทำไมคนเต็มเร็วมาก กับสถานที่ท่องเที่ยวเกิดใหม่ของจังหวัดนครนายก ที่กำลังติดท็อปชาร์ต ณ เวลานี้ รอบนี้ยกขบวนใหญ่ด้วยรถบัส สองชั้น 1 คัน และรถตู้ตามอีก 4 คัน และพิเศษทริปนี้ เราได้รับเกียรติจาก ทีมปฏิรูปธุรกิจถ่ายภาพ มาร่วมกิจกรรมถ่ายภาพกับเราด้วย นำทีมโดย อดีตนายกสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ สมัยที่ 25 คุณบุษราภรณ์ พรไพศาลศักดิ์ หรือเราเรียกกันสั้นๆ ว่า…นายกเปิ้ล… มาทำกิจกรรมถ่ายภาพกับคณะ CAMERART ด้วย
จุดแรก เช็คอินของเรา ซุ้มป่าไผ่ วัดจุฬาภรณ์วนาราม เหมือนได้ไปเที่ยวป่าไผ่อาราชิยาม่า ในประเทศญี่ปุ่น ซุ้มป่าไผ่นี้จะตั้งอยู่ในทางข้างเข้าวัดจุฬาภรณ์วนาราม ตั้งอยู่ที่อำเภอบ้านนา วัดค่อนข้างเงียบสงบ ลงรถปุ๊บเราก็จะได้สัมผัสบรรยากาศเหมือนอยู่ประเทศญี่ปุ่น ซุ้มป่าไผ่ที่นี่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แล้วโน้มเข้าหากันตามธรรมชาติ ทอดตัวเป็นแนวยาวหลายสิบเมตร ให้ความร่มรื่น แต่พอคณะ CAMERART ถึงที่ เราก็เห็นแต่พวกเราเอง 555… มุมถ่ายที่จะถ่ายจากด้านหน้าสุด จะดูเหมือน ป่าไผ่อาราชิยาม่า เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่จัดว่าเป็น อันซีนที่ห้ามพลาด ใครชอบถ่าย Portrait ที่นี่เหมาะมาก ยิ่งช่วงฤดูฝนแบบนี้ ป่าไผ่จะยิ่งเขียวขจี สีสันสดใส ทริปนี้เราได้สองนางแบบกิตติมศักดิ์ พี่ต๋อง และพี่อลิส มาเป็นนางแบบจำเป็นให้เพื่อนๆ
ได้เวลาเดินทางกันต่อ eyejung ก็ไล่ต้อนไปสิคะ… อีกกลุ่มก็แอบถ่ายกันเงียบๆ กันอยู่ข้างหลัง eyejung มันคืออะไร…มีแอบอย่างนี้ด้วยเหรอ รอบแรกเหมือนจับปูใสกระด้งจริงๆ ตอนลงไปบอกไม่รู้จะถ่ายอะไรดี พอเรียกให้ไปอยากจะถ่ายภาพต่อ มันคืออะไรกันคะ….
จากซุ้มอุโมงค์ป่าไผ่ เราออกเดินทางกันมาต่อมาที่ Khonyok Sheep Farm ฟาร์มแกะที่นครนายก ตั้งอยู่ริมถนนเส้นทางหลวงหมายเลข 3049 อยู่ติดกับ ตลาดเท่งเทิดเทิง แต่ตลาดเท่งเทิดเทิง เขาจะเปิดช่วงเย็น ใน Khonyok Sheep Farm จะมีฝูงแกะน่ารักๆ รอต้อนรับพวกเราอยู่ โดยเสียค่าบัตรผ่านประตูคนละ 50 บาท แต่ทริปนี้อาจารย์ใจปล้ำออกค่าเข้าให้ทุกคนเลย เป็นความพิเศษชั้นที่ 1 ที่ CAMERART มอบให้ เมื่อเข้าสู่ Khonyok Sheep Farm เหมือนเข้าสู่โลกแห่งการ์ตูนด้วยสีสันของเหล่าตัวการ์ตูน และกิจกรรมสุดสร้างสรรค์ กิจกรรมเด็กเลี้ยงแกะ ด้วยการให้ซื้ออาหารมาป้อนแกะ หรือจะเป็นผู้ใหญ่เลี้ยงแกะก็ได้นะ นอกจากแกะแล้ว ด้านในยังมีสัตว์อื่นๆ น้องม้า และปลานะคาร์ฟ (ปลาคาร์ฟ) 555.. จะเล่นทำไมเนี่ย ถ่ายภาพกันเหนื่อยๆ ก็มาพักหลบร้อนได้ที่ร้านกาแฟด้านหน้า ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ในราคาที่หรูหราตามไปด้วยนิดหนึ่ง มานั่งดับร้อน ถ่ายภาพ Portrait เก๋ๆ ในร้าน ได้อีกด้วย ดื่มกาแฟดับร้อนได้เวลาพักทานอาหารเที่ยง ถึงเวลาที่ eyejung ต้องออกตามทุกคนอีกใช่มั้ยเนี่ย หลายคนบ่นไม่ชอบช่างเวลานี้ที่สุด 555… พอบอกให้ขึ้นรถ นี่นึกมุมที่อยากถ่ายออกกันตลอด แล้วเหมือน eyejung มาขัดจังหวะ มันต้องเป็นอย่างนี่ทุกที่สิน่า จะแกล้ง eyejung ใช่มั้ยเนี่ย
รางวัลชมเชย ภาพถ่ายโดย คุณสุจารี ตันศิริ
รางวัลที่ 2 ภาพถ่ายโดย คุณประพันธ์ อัศวแก้วฟ้า
รางวัลที่ 3 ภาพถ่ายโดย คุณจีรวรรณ ไทยประสานทรัพย์
หมดเวลาแล้วจริงๆ เราต้องออกเดินทางไปทานอาหารเที่ยงกันแล้ว รอบนี้เราได้รับการอภินันทนาการจากทาง ททท. อีกเช่นเคย กับ ททท.สำนักงาน จังหวัดนครนายก ณ ร้านไก่ย่าง 2 สาว ร้านไก่ย่างเจ้าดังเมืองนครนายก ที่ใครมาเที่ยวแถวน้ำตกสาลิกา หรือ เขื่อนขุนด่านปราการชล ต้องแวะฝากท้อง มีบริการทั้ง อาหารไทย อาหารอีสานรสแซบ ซึ่งทางท่าน ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.สำนักงานนครนายก ได้มอบให้ คุณประวัติ มุ่งเจริญรัตน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานฯ เป็นผู้ประสานงาน และเลือกร้านอาหารให้เราในครั้งนี้ ทานอาหรแบบเติมไม่อั้นกันเรียบร้อยแล้ว พร้อมออกเดินทางต่อไปยัง ทุ่งนามุ้ย ขอขอบคุณ ททท. สำนักงานครนายก ไว้ ณ ที่นี้ด้วยคะ….
สะพานทุ่งนามุ้ย ตั้งอยู่ที่ ต.สาริกา อ.เมือง จ.นครนายก เป็นสะพานไม้ไผ่ที่ทอดยาวคดเคี้ยวเป็นรูปตัว S (หรือตัว Z หว่า…) พาดผ่านบนท้องนาของ คุณอ๊อด เจ้าของทุ่งนา ที่ทำเพื่อใช้ในการทำนา แต่มันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม ด้วยรูปแบบของสะพานที่เป็นแซดเชฟ เป็นเส้นนำสายตาที่ทอดยาวสู่ทุ่งนา กลายเป็นสถานที่สุดฮ็อตฮิตแห่งใหม่ของจังหวัดนครนายก ด้วยบรรยากาศของฤดูฝน…ที่อะไรรอบตัวเราจะเป็นสีเขียวขจีของต้นไม้ที่รายล้อม และทุ่งนาที่กำลังเติบโตอย่างเขียวขจีไปทั่วท้องทุ่งนา Camerart เองก็ไม่พลาดกระแสอินเทรนด์ พาสมาชิกทุกคนได้ไปสัมผัสท้องทุ่งนา จุดที่ ทุ่งนามุ้ย นอกจากจะมีทุ่งนาที่สวยงาม ที่นี่ยังมีที่ให้นั่งพักผ่อน และเลือกสั่งกาแฟ น้ำแข็งใส…มานั่งกินดับร้อน ถ้าหิวก็มีผัดไทที่มีกลิ่นหอมฟุ้ง แต่รอบนี้ eyejung ไม่ได้สั่งผัดไทยทาน แม้จะอยากชิมใจจะขาด แต่เพราะอิ่มจัดกับอาหารมื้อใหญ่ที่ทาง ททท.สำนักงานนครนายก จัดให้เลยได้แค่สั่งน้ำ และข้าวเกรียบว่าว นั่งทานกันเพลินๆ รอคุณอ๊อด จัดซีนดำนาให้พวกเราได้เก็บภาพ
รางวัลที่ 1 ภาพถ่ายโดย คุณคีรีขันธ์ ไชยพร
รางวัลชมเชย ภาพถ่ายโดย คุณสมชาย สงวนกชกร
รางวัลชมเชย ภาพถ่ายโดย คุณชาคริต ปิ่นสวัสดิ์
ระหว่างรอ ก็เดินเก็บภาพกันไปเรื่อย จนได้ยินเสียงร้องโวยวาย…อ้าว…เสารองสะพาหัก เกือบเทกระจาดนักท่องเที่ยวลงไปดำนาแทนแล้ว ช่วงที่เราไปนักท่องเที่ยวเยอะจริงๆ… แค่คณะ CAMERART ก็ 80 กว่าคนไปแล้ว คุณอ๊อด เลยขอตัวไปซ่อมสะพานก่อน ช่วงระหว่างรอการซ่อมสะพาน ก๊วนแก็งค์ CAMERART ก็รอเก็บภาพช็อตเด็ด เพื่อจะมีเพื่อนๆ CAMERART คนไหนล่วงลงน้ำบ้าง จะได้เป็นดาราหน้ากล้อง ยิ่งกว่าเจอกองทัพนักข่าวอีก 555… แต่ทุกคนก็ไม่มีใครพลาด เข้าทำสะพานแข็งแรงอยู่… แม้จะใช้วัสดุจากธรรมชาติ สไตล์ ECO แนวรักษ์โลก เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่กำลังเป็นกระแสนิยมในช่วงนี้ ทุ่งนามุ้ย จัดว่าเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พอ คุณอ๊อด ทำการซ่อมแซมสะพานเรียบร้อย เราก็ได้เกียรติจากคุณแม่ค้า ที่อาสามาเป็นแบบแสดงการดำนา เป็นชาวนาที่อารมณ์ดีมาก โชว์ฟ้อนรำเรียกรอยยิ้มให้พวกเราทุกๆ คนได้อย่างดี เก็บภาพการสาธิตการดำนาไปก็รอยยิ้มเปื้อนหน้ากันไป นี่แหละความสุขของการถ่ายภาพ จนหลายคนถามว่าไปที่เดิมๆ บ่อยๆ ไม่เบื่อบ้างเหรอ ต้องบอกว่าไม่เคยเบื่อเลย เพราะชอบบรรยากาศการของเดินทาง ซึ่งมันไม่สามารถหาอ่านเอาจากหนังสือ หรือแค่ดูภาพถ่าย มันเป็นความรู้สึกที่หาได้เมื่อออกเดินทางเท่านั้น นี่เองอาจจะเป็นเหตุผลที่ทริป CAMERART เต็มเร็วมาก ไม่ใช่แค่สถานที่ท่องเที่ยว แต่มันคือ มิตรภาพ และความสุขของการได้เดินทางกลับใครหลายๆ คน ที่ชอบในเรื่องเดียวกัน และที่สำคัญทริป CAMERART ไม่เคยจำกัดว่าต้องใช้กล้องถ่ายภาพค่ายไหน ไม่ว่าจะเป็น DSLR, Mirrorless หรือแม้แต่โทรศัพท์ถ่ายภาพ ก็สามารถร่วมทริปกับ CAMERART ที่นี่เราไม่แบ่งค่าย และรุ่นกล้อง แค่คุณมีหัวใจที่รักในการถ่ายภาพก็สามารถมาร่วมทริปกับเราได้ทั้งนั้น นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่หลายต่อหลายคนหลั่งไหลมาร่วมกิจกรรมกับเรา เป็นอีกหนึ่งความฮอตฮิตของทริป CAMERART โปรแกรมยังไม่ออกก็จองกันแล้ว ขอบคุณทุกความไว้วางใจที่มีเรา eyejung เองที่อยู่ในฐานะผู้จัด ก็รู้สึกขอบคุณทุกๆ ท่าน ที่มั่นใจว่าเราจะเลือกสถานที่ ที่ให้ทุกคนได้เลือกมุมมองในการถ่ายภาพของตัวเองได้ทุกทริป
ได้เวลาอำลา ทุ่งนามุ้ย กันแล้ว เสียดายเราไม่ได้เก็บแสงเย็นกันที่นี่ เพราะโปรแกรมเรายังมีสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดนครนายกยังมีสถานที่น่าสนใจ อยู่อีกหลายสถานที่ และสถานที่ต่อไปของเราคือ พุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์ ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับทางขึ้นน้ำตกสาลิกา ต.สาริกา อ.เมือง จ.นครนายก บนพื้นที่ 53 ไร่ แวดล้อมด้วยภูเขาเขียวขจี สูงตระหง่าน รายล้อม พระพุทธรูปกว่า 1,250 องค์ ตัดกับองค์พระเหลืองอร่าม “พุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์” สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสครบ 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าด้วยการระดมทุนจากผู้มีจิตศรัทธาทั้งในและต่างประเทศ เมื่อเข้าไปในสถานที่แห่งนี้เราจะได้เห็นพระพุทธรูปปางแสดงโอวาทปาติโมกข์ขนาดใหญ่เด่นเป็นสง่าหน้าตัก 9 เมตร สูง 13.5 เมตร เป็นตัวแทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า บริเวณโดยรอบมีการสร้างพระพุทธรูปขนาดหน้าตัก 90 ซม. อีก 1,250 องค์ เป็นตัวแทนพุทธสาวกแสดงถึงเหตุการณ์สำคัญเมื่อครั้งพุทธกาล ซึ่งเมื่อสมัยก่อนจะสวยงามมาก แต่ด้วยปัจจุบันมีการเสื่อมไปตามวันเวลา และทางสถานที่จัดตั้งแผงโซลาเซลที่บดบังความสวยงามที่เคยมี มาครั้งนี้แล้วกลับไปดูรูปเก่าที่เราเคยมาถ่าย ก็รู้สึกเสียดายว่าทำไมคิดติดตั้งแผงไฟโซลาเซลแบบนี้ งานนี้ทุกคนจะได้ฝึกในการหามุม เพื่อหลบจำนวนเสามากมายที่ตั้งบังหน้าองค์พระพุทธรูป
รางวัลชมเชย ภาพถ่ายโดย คุณธวัชชัย ศิริธนพรพงษ์
แต่ก่อนปล่อยไปหามุม เป็นทำเนียมขอถ่ายภาพหมู่ และแจกของรางวัลกันก่อน งานนี้ นายกเปิ้ล…ได้กล่าวอะไรเล็กๆ น้อยกับความตั้งใจที่จะพัฒนาวงการถ่ายภาพ แม้จะไม่ได้อยู่ในวาระปัจจุบัน แต่ก็ยังมีปณิธานตั้งมั่นที่อยากพัฒนาวงการถ่ายภาพให้อยู่ในระดับสากล จัดว่าเป็นอีกหนึ่งหญิงเก่งของวงการถ่ายภาพของเรา
มุมถ่ายของ พุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์ ถ้าอยากให้เห็นถึงภาพความอลังการของพระพุทธเจ้าองค์ใหญ่หน้าตักที่ กำลังแสดงโอวาทปาติโมกข์ โดยมีสาวก 1,250 รูปนั่งประนมมือล้อมพระพุทธองค์เป็นรูปวงกลม นั้นต้องขึ้นมุมสูง ซึ่งเราเคยขอให้ทางพุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์ จัดนั่งร้านให้เรา เพื่อขึ้นไปเก็บภาพมุมสูง ซึ่งปัจจุบันการถ่ายภาพมุมสูงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แค่มีโดรนก็สามารถเก็บภาพได้อย่างสวยงาม แต่อย่าลืมต้องลงทะเบียนกันก่อนนะคะ เดี๋ยวนี้มีกฎหมายออกมาจัดระเบียบโดรนกัน จะได้ไม่มีปัญหาตามมาที่หลัง จากลานพระพุทธรูป 1,250 รูป ปัจจุบันมีการสร้างพระพิฆเนศ องค์ใหญ่ด้านหน้าเพิ่มอีก 1 องค์ จุดนี้เราให้เวลากันเต็มที่จนถึง 5 โมงเย็น แต่พอเราจะออกรถแล้ว มีเสียงตะโกนมาว่า พี่นที หายไป งานนี้ คุณทรงพล ได้ออกแรงจะวิ่งลงไปตาม แต่ eyejung ให้พระช่วยประกาศตามหาดีกว่า เพราะพื้นที่ค่อนข้างกว้างไม่รู้ว่าจะไปตามตรงไหน ประกาศปุ๊บ พี่นทีบอกว่า… เขารู้ชื่อกันหมดเลย 555… นานๆ มาที อาจจะเพลินไปหน่อย อิอิ… จาก พุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์ เดินทางมายังจุดสุดท้ายตลาดยามเย็นเท่งเทิดเทิง แต่เราหาที่จอดรถกันไม่ได้ ทุกคนเลยบอกไม่ทานอาหารเย็นก็ได้ อยากกลับไปให้ทันดูบอลโลกรอบตัดเชือก… รีเควส กันมาแบบนี้มีหรือ eyejung จะไม่จัดให้ เมื่อขอมาก็จัดให้ใจดีอยู่แล้ว (อย่านึกถึงโดนตามขึ้นรถกันล่ะ 555…) ทริปนี้เราเลยผ่านตลาดเท่งเทิดเทิงไป มีแต่ทีมรถตู้ที่จอดแวะได้ คำแสนถึงกลับออกปากว่าทำไมถึงทิ้งกัน อิอิ… Bye…eyejung