เรื่อง : eyejung, ภาพ : ทีม CAMERART
บทความนี้มาจาก Camerart Magazine ฉบับ 252/2018 September
ในตอนนี้ eyejung ประเดิมกิจกรรมแรก…อาสาพาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่กันอีกสักหนึ่งรอบกับ “Trip อัศจรรย์ วันอาสา พาเที่ยวเพลิน นครพิงค์” กับไฮไลท์หลักของทริปครั้งนี้…เพื่อไปเก็บภาพที่อาจจะเป็นภาพประวัติศาสตร์ กันที่ วัดพันเตา กับ พิธีถวายผางประทีป ซึ่งเป็นไฮไลท์ของทางวัด โดยในพิธีจะมีภิกษุ สามาเณร มานั่งอยู่ใต้ต้นโพธิ์ พร้อมจุดประทีป และร่วมสวดพระอธิธรรมให้พรกับผู้มาร่วมเวียนเทียน เดี๋ยวเราจะกลับมาเล่าบรรยากาศของงานให้อ่านกัน แต่ตอนนี้เราจะออกเดินทางจากจุดนัดพบ คือ ปั๊ม ปตท.หอการค้า และขึ้นโทล์เวย์วิ่งยาวลง KFC ไดร์ฟ ทรู สาขาไทวัสดุ เพื่อรับ พี่เอ๊ะ พี่เอก เนื่องจากวันหยุดลองวีคเอ็น พยามเลี่ยงเส้นทางรถติด มุ่งหน้าสู่จังหวัดลำพูน กับ วัดพระบาทห้วยต้ม วัดที่ใหญ่ที่สุดของอำเภอลี้ ปลายทางแห่งศรัทธา แห่งชุมชมวัดพระบาทห้วยต้ม ชนเผ่าชาวปกาเกอะญอ ที่มีความศรัทราต่อพุทธศาสนา มีสำนึกในกฎแห่งกรรม และมีเมตตาต่อสัตว์โลก ความเลื่อมใสศรัทธาอย่างแรงกล้า ทำให้คนในชุมชนรักษาศีล ไม่ทานเนื้อสัตว์ ทานอาหารมังสวิรัติ ในเขตมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย มักจะเห็นป้ายตัวอักษรเขียนว่า “ห้ามนำเนื้อสัตว์เข้ามาในบริเวณนี้” หรือ “ห้ามดื่มสุรา”
ด้วยความศรัทธาที่มีต่อพุทธศาสนา ในวันสำคัญทางชาวบ้านจะให้ความสำคัญและร่วมกันมาทำบุญที่วัด ในประเพณีวันเข้าพรรษา มีการขนทรายเข้าวัดตามความเชื่อของชาวล้านนาไทยที่มีมาแต่โบราณ เป็นกุศโลบายชำระล้างบาปอย่างแนบเนียน แม้เราจะเข้าวัดเพื่อทำบุญทำกุศลต่างๆ นานาแล้ว แต่เพียงเมื่อก้าวเดินออกจากวัด คุณก็สามารถทำบาปได้โดยไม่รู้ตัว นั่นก็คือบาปที่เรียกว่า หนี้สงฆ์ คนโบราณจึงคิดประเพณีขนทรายเข้าวัดขึ้น เพื่อให้ชาวบ้านได้นำทรายเข้ามาให้แก่วัด เป็นการชำระหนี้ที่ชาวบ้านเคยเอาทรายจากวัดไปโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เพื่อชำระบาปหนี้สงฆ์ให้หมดไป ก่อเกิดเป็นประเพณีที่สวยงาม ของวัดพระบาทห้วยต้ม บริเวณด้านหน้า มหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย เราจะเห็นชนเผ่าชาวปกาเกอะญอ แต่งชุดพื้นเมืองของตนเอง ร่วมนำทรายมาก่อกองทราย ณ หน้ามหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย เราทีม CAMERART ก็ได้สัมผัสกลิ่นอายแห่งวัฒนธรรมที่สวยงาม แต่ด้วยบรรยากาศที่อยู่ใต้เงาเมฆครึ้ม ผู้ร่วมทริปก็เก็บภาพกันด้วยรอยยิ้ม แม้จะไม่ค่อยได้นอน เพราะนั่งรถมาทั้งคืน
จากจังหวัดลำพูนเราเดินทางต่อมาจังหวัดเชียงใหม่ เข้าที่พักเก็บของ แล้ว eyejung อาสาพากิน กันต่อที่บริเวณ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ผู้สร้างเมืองนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ อีกจุดเช็คอินของเมืองเชียงใหม่ ตรงข้ามจะมีร้านอาหารที่ขายหลากหลายเมนู แต่มาถึงเชียงใหม่เราก็ไม่พลาดต้องสั่งข้าวซอยมาทาน อิ่มอร่อยกับมื้อเที่ยงที่ได้กินกันบ่ายกว่าๆ หลังทานเสร็จก็จะปล่อยฟรีสไตล์กันเลย หลังจากนั่งรถวนดูเมืองเชียงใหม่มา 3 รอบ กับวัดในตัวเมือง ที่เป็นไฮไลท์หลักๆ คงจะเป็น วัดพระสิงห์วรวิหาร วัดเจดีย์หลวง และวัดพันเตา อยู่ในละแวกเดียวกันที่สามารถเดินเก็บภาพได้ ทานกันอิ่มแวะเก็บภาพวัดใกล้ร้านอาหารก่อนเลย ชื่อวัดดวงดี ทุกคนต่างต้องไปไหว้พระชื่อ วัดดวงดี ก็ขอให้วันนี้พวกเราดวงดี ฝนไม่ตกลงมา สามารถถ่ายภาพ พิธีถวายผางประทีป กันให้ได้…เพี้ยงสาธุ…สาธุ… เริ่มไม่มั่นใจในดินฟ้าอากาศต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากวัดดวงดีเดินตัดทะลุมาวัดพันเตา เงียบ เหมือนยังไม่มีการเตรียมงานใดๆ ถามเจ้าหน้าที่ที่ดูแลในโบสถ์ตอบไม่รู้จะมีหรือไม่มีขึ้นกับเจ้าอาวาส แต่สิ่งหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ทำคือ มาเตือนไม่ให้กางขาตั้งกล้องถ่ายภาพ และไม่ค่อยต้อนรับคนไทย ที่เป็นช่างภาพ จน eyejung ถึงกับต้องไป complain ว่าปล่อยให้มีเจ้าหน้าที่ที่ดูแลวัดมาให้ข้อมูลแบบนี้ได้อย่างไง วัดเป็นสถานที่ท่องบเที่ยวติดอันดับของเมืองเชียงใหม่ แต่เจ้าหน้าที่ทำกิริยาเหยียดคนไทย จน eyejung นี่ลมออกหูเลย จนหลายคนบอกว่าวันนี้…วันพระ เลยขอเดินไปสงบสติอารมณ์ที่วัดเจดีย์หลวง น้องส้ม ลูกสาวหมอเปิ้ลก็เตรียมชุด เข้าบรรยากาศเมืองล้านนา เลยเป็นแบบให้พี่ๆ ร่วมทริปได้ถ่ายภาพ Portrait กัน จากวัดเจดีย์หลวง มาพักนั่งดื่มน้ำ รอเวลาแต่ราคาเครื่องดื่มราคาขั้นตำแก้วละ 70 บาท eyejung เลยขอกินของหนักเลยแล้วกันราคา 90 บาท คราวนี้ทุกคนเลยสั่งของหนักกันหมดโดยเฉพาะโต๊ะพี่เอ๊ะ จากถ่ายภาพวัดไหง…กลายเป็นถ่ายภาพของกินไปสะงั้น…ทานกันเสร็จ eyejung ขอชะแวปแอบไปดู วัดพันเตา กันสักหน่อยว่ามีการเตรียมการจัดสถานที่สำหรับ พิธีถวายผางประทีป ซึ่งพอไปถึงทางวัดกำลังจัดสถานที่กันอยู่ นักท่องเที่ยวเริ่มมีขาตั้งกล้องมาจับจองพื้นที่ eyejung ที่เดินมากับพี่น้องเลยรีบโทรบอกทุกคนให้รีบมูฟกลับมาที่วัดพันเตาก่อนที่จะไม่มีที่
ช่วงระหว่างรอ ท่านเจ้าอาวาสก็เดินมาเลยขออนุญาตตั้งกล้องตรงหน้ากุฏิเจ้าอาวาสได้ไหม ท่านบอกว่าได้ แค่เวลาพระเดินมา ช่วยหลบทางให้พระก่อน แล้วแนะนำให้ถ่ายภาพมุมอื่นๆ บ้างก็ได้ จะได้ภาพหลายๆ มุม ซึ่งความรู้สึกช่วงบ่ายที่เจ้าหน้าที่ในโบสถ์พูดจาไม่ดี ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นมาเลย ขนาดเจ้าอาวาสท่านยังคงมีความเมตตา แต่คนเป็นเจ้าหน้าที่กับทำตัวกร่างแสดงความยิ่งใหญ่ การทำงานในวัดไม่ใช่เครื่องการันตีว่าจะมีคนจะมีจิตใจดีเสมอไป พอหนึ่งทุ่มตรงก็เริ่มพิธีถวายผางประทีป ซึ่งเป็นภาพที่งดงาม และ…อาจจะเป็นเพียงภาพประวัติศาสตร์ เพราะปีหน้าที่วัดจะทำการรื้อพื้นที่บริเวณใต้ต้นโพธิ์ เพื่อปรับภูมิทัศน์ใหม่ เราก็ยังไม่รู้ว่าต่อไปทางวัดจะยังคงมีพิธีถวายถางประทีป ต่อไปไหม ปีนี้ใครอยากเก็บภาพยังคงไปได้ช่วงประเพณีลอยกระทง ซึ่งคงจะเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้ด้วย
วันที่สองของทริป…ฝนโปรยปรายมาแต่เช้า วันนี้ทานอาหารเช้ากันที่โรงแรม แล้วออกเดินทางสู่ดอยอ่างขาง จะขึ้นดอย eyejung เลยขอแต่งตัวเป็นชนเผ่ากระเหรี่ยงให้เขาบรรยากาศกับเขาหน่อย จุดแรก จุดชมวิว หมู่บ้านนอแล เป็นหมู่บ้านของชาวเขาเผาปะหล่อง ที่อพยพมาจากประเทศพม่า ซึ่งหมู่บ้านจะตั้งอยู่ห่างจากตัวสถานีดอยอ่างขาง ประมาณ 5 ก.ม. มาถึงปุ๊บถ่ายภาพเป็นที่ระลึกเสร็จฝนก็ตกลงมา กิจกรรมของพวกเราเลยเดินกางร่มช็อปปิ้ง ซึ่งกลยุทธ์ของคุณยายชาวปะหล่อง ก็คือ ช่วยซื้อหน่อย วันนี้ร้านยายยังขายไม่ได้เลย ช่วยกระจายรายได้ ทุกคนฟังเคลิมช็อปเพลิน ช่วงภาคบ่ายเราเลยแปลงโฉมเป็นชาวปะหล่องกันในกรุ๊ปสาวๆ 555…จากหมู่บ้านนอแล เดินทางมาหน้าสถานีอ่างขางเพื่อทานอาหารเที่ยง eyejung พาทานแนะนำ ร้านดังแหล่งดอยอ่างขาง ร้าน ถิงถิงโภชนา เมนูยอดนิยม ขาหมูหมั่นโถว เห็ดหอมซีอิ๊ว ฟักแม้วผัดไข่ เขียนแล้วหิวเลย 555….
ทานข้าวเสร็จ ขับรถ Preview ในสถานีเกษตรหลวงอ่างขางหนึ่งรอบ อ.นพ บอกว่าหาที่นั่งกินกาแฟกันดีกว่า หมอเปิ้ลเลยแนะนำเรือนกุหลาบ พวกเราเลยไปนั่งจิบกาแฟ ในบรรยากาศฝนตกโปรยปราย แม้จะไม่ได้ถ่ายภาพอย่างที่หวัง แต่บรรยากาศความชุ่มฉ่ำ ก็ทำให้เราทำตัวสโลไลฟ์ ผ่อนคลาย…ดื่มด่ำบรรยากาศที่สวยงามตามธรรมชาติ ได้เวลาต้องลงจากดอยอ่างขางแล้ว เส้นทางไชยปราการ ผ่านจุดชมวิว บ้านผาแดง หนองบัว หมอกกำลังไหล อาจารย์นพ เลยให้เวลาแวะถ่ายภาพ Time Lapse เข้าทาง หมอเปิ้ล ที่ชอบทำ VDO ถ่ายเองเล่นเองสนุกสนานกันไป คืนนี้เราไม่ได้พักบนดอยอ่างขาง เนื่องจากช่วงนี้ที่พักด้านบนปิดปรับปรุงคุณภาพ เราจึงเดินทางมาพักที่อำเภอฝาง
จากอำเภอฝางมุ่งหน้าสู่ วัดบ้านเด่นสะหรีศรีเมืองแกน ชาวบ้านเรียกสั้นๆ ว่า วัดบ้านเด่น เป็นอีกหนึ่งวัดดังใน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ วัดแห่งนี้เกิดจากความศรัทราของชาวบ้านที่มีต่อ ครูบาเจ้าเทือง นาถสีโล ด้วยบุญบารมีของ ท่านครูบาเจ้าเทือง ซึ่งมีลูกศิษย์ลูกหาที่ให้ความเคารพนับถือมากมาย ทั้งชาวไทย จีน ไทยใหญ่ กะเหรี่ยง และชาวเขาหลายเผ่า จนเป็นที่เรียกขานว่า เป็นเกจิสหายหรือครูบาสองพี่น้อง คู่กับกับครูบาบุญชุ่ม เกจิดังแห่งสามเหลี่ยมทองคำ หากรูปใดรูปหนึ่งมีงานบุญสำคัญก็จะไปร่วมงานกัน จึงมีชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธานำเงินมาถวายเป็นปัจจัยในการทำบุญเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก อีกทั้งตัวท่านครูบาเจ้าเทืองเอง ก็ไม่ต้องการจะเก็บเงินส่วนนี้ไว้ ประกอบกับคิดอยากจะสร้างอนุสรณ์แห่งบุญที่เป็นรูปธรรม จึงได้มีการปรับปรุง ก่อสร้างวัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกนใหม่ เมื่อปี พ.ศ.2534 บนพื้นที่กว่า 80ไร่ การก่อสร้างวัดบ้านเด่น เป็นแบบล้านนาประยุกต์ ที่ผสมผสานแนวคิดของท่านครูบาเทือง เอง ที่เรียกว่า แนวสถาปนึก คือ คิดจะใส่อะไร ก็ใส่ จะทำไร ก็ทำ แต่ต้องมีความมั่นคง เราจึงเห็นสิ่งก่อสร้างใหญ่โตสวยงามมาก และ ปรับปรุงพื้นที่เหมือนสร้างไม่เสร็จสักที่ รอบนี้เราเจอมีการรื้อด้านหน้าที่เคยเป็นศาลาออก และวันนี้ฟ้าค่อนข้างทึม ไม่สดใส และทัวร์จีนค่อนข้างเยอะ ถ่ายภาพวัดบ้านเด่นเดินทางต่อสู่จังหวัดลำปาง
คืนสุดท้ายเราเดินทางมาพักที่จังหวัดลำปาง โปรแกรมของเราคือจะจะไปเดินชิวๆ ที่ตลาดกาดกองต้า ถนนคนเดินที่เป็นมนต์เสน่ห์ ณ เมืองลำปาง ด้วยสถาปัตยกรรมเก่าที่มีความสวยงามตามกาลเวลา ทำให้ถนนคนเดินของเมืองลำปางเป็นเสน่ห์ยามค้ำคืนวันอาทิตย์ จะมีของพื้นเมืองมาให้เลือกซื้อ ของทานเล่นที่มีเฉพาะที่เมืองลำปางก็จะมาขายกันอยู่ที่นี่ ใครชอบเดินถ่ายภาพแนวสตรีทที่นี่ก็เหมาะมาก ช่วงเย็นพวกเราเลยแต่งกายสบาย ตั้งใจไปเดินหาของทานกัน แต่มาถนนคนเดิน แล้วห้ามพลาดไปเก็บ สะพานข้ามแม่น้ำวัง ชื่อ สะพานรัษฎาภิเศก หรือ สะพานขาว สถานที่ยอดนิยมที่ใครๆ มาลำปางแล้ว ก็ต้องเก็บภาพ ด้านล่างสะพาน จะมีภาพกราฟฟิตี้ ที่บอกเล่าเรื่องราวของเมืองลำปางที่สวยงาม ให้ได้ไปโพสท่าเก๋ๆ แต่แล้วฝนก็ไล่พวกเรามารวมตัวกันที่ร้านกาแฟ หม่องโง่ยซิ่น (มาจากภาษาพม่า ที่เป็นชื่อบุตรชายหม่องส่วยอัตถ์ ชาวพม่า เฮดแมนคนแรกของบริษัททำไม้ในลำปาง ซึ่งก็คือต้นตระกูลสุวรรณอัตถ์ผู้ร่ำรวยจากการค้าไม้นั้นเอง อาคารหม่องโง่ยซิ่น เป็นอาคารที่โดดเด่นที่สุดในถนนกาดกองต้า จนได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น ประจำปี 2540 ประเภทอาคารอนุรักษ์สถาปัตยกรรมล้านนา จากกรรมาธิการล้านนา สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ นั่งหลบฝนฟังเจ้าของร้านเล่าเมืองเก่า ชื่นชมสถาปัตยกรรม เสฟงานศิลป์ เป็นอีกร้านกาแฟที่มีเรื่องเล่า
วันสุดท้ายโปรแกรมเรายังอยู่ที่เมืองลำปาง เช้านี้เราออกมาหาอาหารเช้าทานกันหน้าสถานีรถไฟลำปาง กับร้านก๋วยจั๋บ “ป้อก๋วยจั๊บ” “ร้านนี้ขายมานานไม่ต่ำกว่า 50 ปี เขาดังเพราะหม่อมถนัดศรี (ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์) เขียนเชลล์ชวนชิม เลยดังกันใหญ่” จนถึงปัจจุบันนี้ ทานกันเสร็จถ่ายภาพเล่นหน้าสถานีรถไฟย้อนวันวานเสียหน่อย แล้วเดินทางไปต่อที่ วัดศรีรองเมือง เป็นวัดพม่า-ไทยใหญ่ที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมที่เด่นมาก วัดค่อนข้างเงียบไม่มีนักท่องเที่ยว ด้วยเมืองลำปางเหมือนเมืองผ่าน เลยทำให้ไม่ค่อยมีคนมาเที่ยวในตัวเมือง จากวัดศรีรองเมือง เราเดินทางมาวัดที่เป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวลำปาง พระธาตุลําปางหลวง มนตร์เสน่ห์ เมืองลำปาง วันนี้ฟ้าใสเหมาะกับการถ่ายภาพ ตั้งแต่ออกมากรุงเทพฯ วันสุดท้ายเราถึงได้เห็นแดด และสิ่งหนึ่งที่อยู่คู่พระธาตุลำปางหลวงคือรถม้า ซึ่งเราสามารถนั่งรถม้ารอบพระธาตุ หรือจะถ่ายภาพคู่กับรถม้าก็ได้ในราคา 10 บาท ได้ภาพกันถูกใจได้เวลาเดินทางกลับเป็นอีกทริปที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ Bye…eyejung