เรื่อง : eyejung, ภาพทีม : CAMERART
บทความนี้มาจาก Camerart Magazine ฉบับ 259/2019 May
หน้าต่างสมาชิกตอนนี้มากับความร้อนระอุ ไม่ว่าจะทั้งสภาพอากาศ หรือแม้แต่สภาพบ้านเมืองไทยที่ร้อนแรง จนไม่รู้ว่าจะหนีไปไหนดี กับสภาพแบบนี้ ได้แต่บอกตัวเองว่า “ต้องทนกันไป” เป็นสภาวะที่เลือกไม่ได้ ก็ต้องอยู่กันไปแบบนี้ ทดสอบความอึด มันเหมือนหมดหวังไปหมด แต่เมื่ออนาคตมันไม่มีอยู่จริง เราจะมองเห็นอนาคตได้อย่างไร คิดไปก็เศร้าใจหาเรื่องไปเที่ยวให้บรรเทาความเศร้ากันดีกว่า พร้อมเติมเต็มสาระด้านการถ่ายภาพ…รอบนี้เป็นเรื่องการอบรมวัดแสง และครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของปีที่เราเก็บค่าลงทะเบียน แม้จะเป็นเงินไม่มากมาย แต่ด้วยความตั้งใจในตัวของอาจารย์นพดล ที่ต้องการให้ความรู้ด้านการถ่ายภาพ เราจึงขอแจ้งข่าวดีกับทุกๆ ท่านที่สนใจด้านการถ่ายภาพว่า เราจะเปิด อบรมฟรี ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เพจ CAMERART MAGAZINE หรือทาง Line Official แล้วอย่าลืมกด Like กด Share และ ติดตามข่าวเพจ CAMERART ด้วยนะคะ จะได้ไม่พลาดข่าวสารจากทาง CAMERART ด้วย…
อบรมครั้งที่สองของปีกับหลักสูตรการวัดแสง เพราะการเรียนรู้เรื่องแสงเป็นส่วนสำคัญของการสร้างสรรค์ภาพถ่าย การเข้าใจเรื่องวัดแสงจะสามารถทำให้เราถ่ายภาพได้อย่างที่ใจคิด และได้ภาพที่มีคุณภาพที่สามารถเอาไปปรับแต่งได้อย่างมีคุณภาพ อาจารย์นพ…ของเราจึงอยากให้ทุกคนที่เข้าอรบรมเข้าใจหลักการเรื่องการวัดแสงอย่างถูกต้อง เพื่อที่จะพัฒนาต่อยอดในการถ่ายภาพได้อย่างมีคุณภาพนั่นเอง
อบรมกันแล้วอย่าลืมว่าต้องไปฝึกฝนทักษะ การเจอโจทย์จริงจะทำให้เราทราบถึงปัญหา และการเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหา รอบนี้ดีกรีความร้อนทั้งอุณหภูมิ และบรรยากาศในบ้านเมืองเรา สูงมากขึ้น เมื่อมันร้อนแรงขนาดนั้นแล้วจัดทริปร้อนๆ อีกสักทีให้ไฟลุกกันไปเลย 555… กับจังหวัดเพชรบุรี ที่จะพาทุกคนไปประลองฝีมือเรื่องการวัดแสง กับหลากหลายสถานที่ท่องเที่ยวที่เราตั้งใจจัด แม้หลายคนจะบอกว่าเบื่อหน่ายที่ซ้ำๆ แต่ eyejung กลับมองว่า…การที่เราไปในที่ซ้ำๆ ในช่วงเวลาที่ต่างกัน มันก็ได้ภาพที่ต่างกัน และมันเป็นการวัดความสามารถที่จะหามุมมองใหม่ๆ ด้วย มันเป็นอีกเรื่องที่ท้าท้ายความสามารถ เพราะว่ารางวัลใหญ่ปลายปีมันเร้าใจใช่เล่นอยู่นะ แม้ว่าทริปเราจะเป็นทริปเล็กๆ แต่รางวัลเราไม่เล็กนะจ้ะ
ด้วยความที่เราเลือกจังหวัดเพชรบุรี สถานที่ไปบังคับให้ต้องใช้รถตู้ ทริปนี้เราจึงมีปัญหาเรื่องการเลือกที่นั่งกันพอสมควร เพราะทุกท่านก็มีปัญหาเรื่องเมารถ ไม่มีใครอยากนั่งข้างหลัง และที่นั่งมันก็มีจำกัด ปวดหัว eyejung เลยทีเดียวกว่าจะเคลียร์ลงตัวกับรถตู้ 4 คัน เรียกกว่าเต็มพอดิบพอดี ออกเดินทางกันแต่เช้าตรู่เช่นเดิม สถานที่พิเศษทริปนี้คือการถ่ายภาพการทำนาเกลือ ซึ่งช่วงที่เราไป ถ้าโชคดีจะได้เห็นวิถีชีวิตการทำนาเกลือ ซึ่งครั้งนี้ต้องบอกว่าเราโชคดีมาก ที่มีหน่วยเซอร์เวย์นำทางมาก่อนเลย เลยช่วยบอกจุดหมาย แถมยังส่ง Location มาให้อีก เพราะคุณตาล ซี้กับ eyejung รู้นิสัยว่าบอกอย่างไงมันก็หลง 555… ส่งพิกัดมาให้ หลงอีกก็ให้มันรู้ไป…555…
เดินทางมาถึงจุดถ่ายภาพ นาเกลือ เจ้าของนากำลังเตรียมการกับผู้รับเหมาในการมาเก็บเกลือ ซึ่งจะต้องเตรียมพาดสะพานไม้เพื่อเป็นทางเดิน วันนี้เรามาเห็น…ตั้งแต่วิธีการเตรียมการ ซึ่งจะมีผู้รับเหมาในการเก็บเกลือ ก่อนจะทำการขนเกลือจะต้องจับฉลากเพื่อแบ่งโซนกันเก็บ เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่นับวันจะเหลือน้อยเต็มที่ ด้วยสภาพวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป มีโรงงาน อุตสาหกรรมมาตั้งในพื้นที่ ทำให้พื้นที่ในทำนาเกลือลดลงไปด้วย อาชีพทำนาเกลือในบ้านเราจะต้องใช้แรงงานคนเป็นหลัก และเป็นอาชีพที่ต้องทำงานกลางแสงแดด ซึ่งคนรุ่นใหม่ไม่นิยมที่จะทำ นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่เคยมีอยู่แล้วและพร้อมที่จะหายไป รูปที่เราถ่าย…อาจจะเป็นภาพประวัติศาสตร์ ที่แสดงให้เห็นว่าเคยมีอาชีพการทำนาเกลืออยู่ในเมืองไทย เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างก็เปลี่ยนไป สิ่งที่เคยอยู่ก็ใช่ว่าจะอยู่ตลอดไป กฎของธรรมชาติที่ต้องเรียนรู้และพร้อมปรับตัว นี่คือสิ่งที่ทุกคนต้องเรียนรู้อยู่ในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง
รางวัลชมเชยประจำทริปเพชรบุรี 2019 ภาพถ่ายโดย สุบิน พุ่มสม
รางวัลชมเชยประจำทริปเพชรบุรี 2019 ภาพถ่ายโดย ชาคริต ปิ่นสวัสดิ์
รางวัลที่ 2 ประจำทริปเพชรบุรี 2019 ภาพถ่ายโดย ประพันธ์ อัศวแก้วฟ้า
เมื่อหลายอย่างที่กำลังจะเปลี่ยนไป ทำให้หลายคนถวิลหาวิถีชีวิตที่เคยมีเคยเห็น จนหลายที่ปลุกพื้นที่ที่เคยเป็นพื้นที่เกษตร ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ผสมผสานต่อยอดให้เป็นท่องเที่ยวยอดฮิตที่ให้หลายคนได้ไปสัมผัส และนาเกลือก็เริ่มมีพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีร้านกาแฟให้ได้นั่ง พร้อมชมวิถีชีวิตการทำนาเกลือ ซึ่ง eyejung มองว่ามันเป็นเรื่องที่ดี ที่ช่วยต่อยอด แต่บางท่านรู้สึกมันปรุงแต่งไปจากธรรมชาติเกินไป ซึ่งก็ต้องบอกว่าทุกอย่างมันคือการพัฒนา เมื่ออดีตเราใช้เตาถ่านในการหุงข้าว ปัจจุบันถูกพัฒนาเป็นหม้อหุงข้าวไฟฟ้า แต่เราก็ได้ข้าวมากินเหมือนเดิม ทุกอย่างมันคือการพัฒนา แค่เรายืนอยู่กับที่เราก็ล้าหลังแล้ว แต่ชาวเกษตรเขาสามารถปรับเปลี่ยนให้อยู่ในกระแสการเปลี่ยนแปลงและมองเห็นโอกาสพัฒนาต่อยอด เป็นสิ่งน่าส่งเสริม เมื่อนาเกลือถูกเปลี่ยนเป็นแหล่งท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับชุมชม ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยยืดอายุอาชีพการทำนาเกลือออกไปได้อีก
ได้เวลาเริ่มทำการเขนเกลือกันแล้ว หมอเปิ้ล บอกรอบนี้ดีจัง CAMERART เตรียมซีนใหญ่ให้ได้ถ่ายภาพ อยากจะบอกว่า จริงๆ เราไปไม่ได้เตรียมการเลย เพราะเราไปไม่รู้ว่าแตะละพื้นที่จะ รื้อนา เมื่อไหร่… ส่วนใหญ่ที่มาเจอ เพราะเป็นช่วงเวลาทำนาเกลือพอดี เลยเจอคนทำนาบ้าง หรือเจอแค่กองเกลือบ้าง อันนี้ดวงล้วนๆ 555… แต่รอบนี้เราคงพกดวง อาจารย์นพ…ยังกลัวทุกคนไม่ได้ภาพ จัดซีนให้ถ่ายอีกนิดหน่อย ก่อนที่จะแยกย้าย เพราะตอนนี้หิวมาก แวะทานอาหารกันต่อร้านประจำ ข้าวแกงแม่ล้วน ที่ตอนนี้ขยับขยาย มีมุมให้ถ่ายภาพเล่นด้วยอีกต่างหาก และได้เวลาเดินทางกันต่อที่ถ้ำเขาหลวง ซึ่งหลังจากเรามีเรื่องกับพื้นที่ก็ไม่ได้มาถ้ำเขาหลวงจะเกือบ 2 ปีแล้ว จากการที่ไม่ให้รถส่วนตัวขึ้นไป และในใช้รถพื้นที่ที่ดูแล้วไม่มีความปลอดภัย แต่ในเมื่อมันเป็นผลประโยชน์ ใครก็ทำอะไรเขาไม่ได้ อยากเที่ยวก็ต้องจ่าย แม้ว่าจะสามารถเอารถขึ้นไปจอดด้านบนได้
“ถ้ำเขาหลวง” ถ้ำงามเมืองเพชรบุรี จัดว่าเป็นมุม Unseen Thailand กับลำแสงของ ถ้ำเขาหลวง ซึ้ง ณ เวลาที่เราไป แดดจะส่องแสงลงมาในถ้ำช่วง 10 โมง เช้าจะเป็นแสงเฉลี่ย ช่วงเที่ยงตรง แสงจะส่องลงมาตรงกลางถ้ำ สร้างความสะดุดตา บริเวณลานหน้าพระพุทธรูปหลวงพ่อโต ยิ่งถ้ามีควันจะยิ่งสวยงาม แต่แม่ชีที่นี้ก็เก็บธูปที่คนจุดเร็วมาก บอกไม่ต้องการให้มีควัน ไอ้พวกเราก็อยากได้ควัน ขัดใจแม่ชีจริงๆ เลย ด้านในถ้ำจะมีแบ่งออกเป็นห้องๆ และไฮไลท์อีกจุดหนึ่งคือ พระพุทธรูปปางพระนอน เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 มีความยาว 14 เมตร และถัดจากพระนอน จะเจอถ้ำอีกห้องห้อง ซึ่งช่วงบ่ายแสงจะส่องลงมาห้องนี้ แต่ถ้าจะเก็บแสงครบทุกห้องคงต้องอยู่ทั้งวัน เราคงทำไม่ได้ไปต่อดีกว่า แต่ตอนเดินขึ้นต้องทำใจกับขั้นบันได 99 ขั้น ที่ออกจะชั้นหน่อยๆ แบบว่าขอเดินไปพักไปเลยแล้วกัน
รางวัลชมเชยประจำทริปเพชรบุรี 2019 ภาพถ่ายโดย สุจารี ตันศิริ
ภาพถ่ายโดย ประพีร์ ถาวรนิวัตน์
ภาพถ่ายโดย คีรีขันธ์ ไชยพร
จากถ้ำเขาหลวงแวะทานข้าวตุนเสบียงเพราะเราจะเดินทางต่อไปยัง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มาลุ้นกันว่าจะได้ถ่ายผีเสื้อไหม เดินทางมาถึงอุทยานจ่ายค่าธรรมเนียนคนละ 100 บาท แล้วเดินทางต่อไปถึงสอบถามเจ้าหน้าที่ก่อนเลยว่าผีเสื้อมีหรือยังที่บ้านกร่าง ได้คำตอบว่าพอมีบ้างแล้ว แต่ไม่เยอะเท่าไหร่ ต้องไปลุ้นกัน ไปถึงแคมป์บ้านกร่าง เจ้าหน้าที่อุทยานรีบมาแจ้วว่าวันนี้ห้ามเดินไปลำธาร 1 และ 2 เนื่องจากช้างป่าออก ความหวังเราดับสิ้น เหลือแค่ตรงลำธารด้านล่าง ลงมาดูลำธารด้านล่าง ไม่เคยเจอสภาพแบบนี้เลยน้ำเหือดแห้ง ผีเสื้อปีนี้เรียกว่านับตัวได้เลย ธรรมสติมันเป็นแบบนี้แหละกะเกณฑ์อะไรไม่ได้ แต่เราก็ไม่สินหวัง หาอะไรถ่ายไปเรื่อย และก็โชคดี เจอนกสีเขียวสวยงาม ก็หันไปถ่ายนก สักพักค้างแว่นก็มาปรากฏตัว ตามด้วยนกเหงือก ความตื้นเต้นบังเกิด แต่ลืมเก็บภาพ ทุกอย่างเลยเป็นแค่ภาพในความทรงจำ 555…
รางวัลชมเชยประจำทริปเพชรบุรี 2019 ภาพถ่ายโดย โกวิทย์ มะณีเนตร
รางวัลชมเชยประจำทริปเพชรบุรี 2019 ภาพถ่ายโดย นิพนธ์ เกตุจรัส
เมื่อผีเสื้อไม่มีกะจะพาทุกคนไปแก้ตัวถ่ายภาพ Portrait ที่สะพานสลิงริมเขื่อนแก่งกระจาน แต่หาพอจะวนรถเข้าไปได้คำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่า คนที่สามารถวนรถไปถึงด้านในได้ เฉพาะคนที่พักที่อุทยานเท่านั้น แป๋ววววววววว… วันนี้เป็นวันอะไรเนี่ย อะไรมันก็ไม่ได้เป็นอย่างใจหวัง พอจะจอดรถด้านในเหมือนทุกครั้ง เจ้าหน้าที่ก็มาแจ้งว่าห้ามจอด จอดได้เฉพาะคนที่มาพัก ให้จอดด้านนอก เฮ้ออออ ไอ้เรามันนอก อะไรๆ ก็ไม่ได้ จอดด้านนอกก็ได้ ถ่ายภาพหมู่ กับผีเสื้อยักษ์แทน และรอแสงเย็นกันต่อที่ริมเขื่อน แต่ดูพี่ป้อนท่าจะหามุมใหม่ เลยซุ่มไปอยู่ในหลุม พี่ป้อนตะโกนบอกไม่ใช่เว้ยยยย… แต่แทนที่เพื่อนจะช่วย เพื่อนกลับช่วยกันมาเป็นช่างภาพ บันทึกภาพประวัติศาสตร์ พี่ป้อนบ่นไม่มีใครคิดจะช่วยตรูเลยใช่ไหมเนี่ย 555… ส่วนแก๊งค์สาวๆ นำทีมด้วยพี่ต๋อง หามุมถ่ายภาพกันสนุกสนาน จน eyejung คิดว่านี้มันมุมสุ่มหัวเล่นไพ่นี่หน้า และช็อตเด็ดคือ การชวนกันมาโดดเนี่ยแหละ วัดกำลังใครแก่ก็แพ้ไป อิอิ… แสงเริ่มหมด ได้เวลาหมดสนุกของพวกเราอีกเช่นกัน แม้ทุกอย่างจะไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง แต่ความสนุกมิตรภาพที่ได้อยู่ร่วมกัน มันก็ทดแทนความไม่มีไปได้เยอะ By…eyejung
รางวัลที่ 3 ประจำทริปเพชรบุรี 2019 ภาพถ่ายโดย แสงชัย เตชะสถาพร
รางวัลที่ 1 ประจำทริปเพชรบุรี 2019 ภาพถ่ายโดย ธวัชชัย ศิริธนพรพงษ์