เรื่อง : eyejung, ภาพ : ทีม Camerart

บทความนี้มาจาก Camerart Magazine ฉบับ 238/2017 July

สนับสนุนโดย

เริ่มต้นกับช่วงครึ่งปีสุดท้ายของปี 2560 ผ่านมาไวไปไว แม้วิถีชีวิต Slow life จะกำลังเป็นเทรนนิยม แต่เลขอายุเราสิมันดันไม่รักดี วิ่งแข่งกับแสงหรือไง 555… แต่เมื่อเราหยุดวันเวลาไม่ได้ เราก็ถือคติว่าพูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น eyejung เลยหยุดอายุตัวเองไว้ที่ 25 ด้วยถือคติพูดคำไหน ก็ต้องเป็นคำนั้น ไม่ใช่วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้พูดอีกอย่าง ใครถามอายุ eyejung ก็จะได้คำตอบเดิมเสมอ 555… วิธีมโนหลอกตัวเอง ครึ่งปีหลังมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปกันบ้าง สิ่งแรกที่สังเกตได้ชัดคือ สภาวะเศรษฐกิจที่ดู Slow down ลงไปทุกวี่ทุกวัน แต่ผลโพลภาครัฐบอกเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น รัฐบาลอาจจะติดโรคมโนจาก eyejung ไปมั้ง ฮิฮิ… เพราะหันไปทางไหนก็มีแต่คนบ่นเรื่องเศรษฐกิจ เราชาวบ้านทำมาหากินก็ได้แต่กัดฟันแล้วสู้ต่อไป ยึดหลักตนเป็นที่พึ่งแห่งตน บ่นไปก็เครียดเปล่าๆ หาเรื่องไปเที่ยวกันดีกว่า 

ฉบับนี้เรายังเป็นชมรมคนรักสัตว์ เมื่อฉบับที่แล้วเราพาไปเดินเล่นสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ไปเดินเก็บภาพมาสารพัดสัตว์ แต่ที่เป็นไฮไลท์คงจะเป็นการโชว์ช้างเล่นน้ำ ก่อนที่เราจะพาไปถ่ายภาพขอประชาสัมพันธ์กันสักหน่อยกับ สวนสัตว์เปิดเขาเขียวจะปรับราคาขึ้น เริ่มวันที่ 1 กรกฎาคม 2560 เป็นต้นไป จากผู้ใหญ่ 100 บาทเป็น 150 บาท เด็ก 30 บาท เด็กเล็ก และ ผู้สูงอายุ 60 “ฟรี” บัตรเดียวเที่ยวครบ” เที่ยวชมได้ตั้งแต่เช้า จรด เย็น สามารถชม 5 ชุด การแสดงของสัตว์ “ฟรี” และนั่งรถชมสวนสัตว์ “ฟรี ส่วน CAMERART ฉบับนี้เราจะพาทุกคนไปถ่ายภาพ Action & Panning กัน ที่จังหวัดชลบุรี อีกเช่นเคย กับประเพณีวิ่งควายหนึ่งเดียวในโลก ซึ่งถ้าใครชอบถ่ายภาพคงต้องหาโอกาสไปเก็บภาพสักครั้งในชีวิต เพราะเป็นสนามถ่ายภาพที่ให้ช่างภาพได้ลองฝึกฝีมือได้อย่างดีเยี่ยม ได้ทดลองประสิทธิภาพกล้องคู่ใจว่าจะโฟกัสเร็วและแม่นแค่ไหน งานนี้อาจทำให้หลายคนกลับมาต้องเปลี่ยนอาวุธข้างกายตัวใหม่กันเลยทีเดียว เมื่อสนามพร้อมแล้ว จะรอช้ากันอยู่ใย ว่าแต่ทุกคนไปฝึกซ้อมวิ่งมาหรือยัง  เฮ้ยยยย….ถึงกับสะดุ้งกันที่เดียว “ไม่ใช่ควายนะ” 555… อย่าเพิ่งคิดไปไกล eyejung กลัวไปถ่ายภาพวิ่งควาย แล้วทุกคนวิ่งหลบไม่ทันอ่ะ อิอิ..

ประเพณีวิ่งควาย ต้องขอบอกว่าเป็นอีกหนึ่งในประเพณี ที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดชลบุรี มีการจัดงานมากว่า 141 ปี เพราะต้องการที่จะเชื่อมโยงวิถีชีวิตเกษตรกรรม ที่เป็นรากฐานของของวิถีชีวิตคนไทย อีกอย่างของการจัดงาน ก็เพื่อตอบแทนความดีของควาย ที่มีบุญคุณกับชาวนา ไถนา ทำงานในท้องนามาอย่างเหน็ดเหนื่อยหลายเดือน ในช่วงฤดูเพาะปลูก และ ชาวบ้านก็ใช้โอกาสนี้ได้พักผ่อน พบปะสังสรรค์ กันด้วย แต่เมื่อวิถีชีวิตที่ปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เริ่มมีเครื่องยนต์มาใช้แทนควาย แต่ชาวบ้านก็ยังคงอนุรักษ์ประเพณีให้อยู่คู่กับจังหวัดชลบุรีมากว่าร้อยกว่าปี และยังคงถูกส่งต่อมารุ่นต่อรุ่น ไม่ให้จางหายไปตามกาลเวลา จนเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดชลบุรี ที่โด่งดังทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

สนามการแข่งขันจะหมุนเวียนไปแต่ละอำเภอ ในแต่ละเดือน ซึ่งในเดือนนี้จัดกันที่ อำเภอบ้านบึง โดย องค์การบริหารส่วนตำบลคลองกิ่ว บริเวณอ่างเก็บนำบ้านหนองนำเขียว เพื่ออนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น ส่งเสริมการเลี้ยงควาย สัตว์ที่อยู่คู่วิถีชีวิตเกษตรกรไทย การวิ่งควายจะมีอยู่สองแบบที่เขาเรียกกัน วิ่งควายนำ หรือ ควายคราดนา และการวิ่งควายบก แต่สำหรับช่างภาพถ้าพูดถึงความเร้าใจแล้วอารมณ์ของภาพ จะชอบถ่ายควายน้ำกันมากกว่า  แต่สำหรับ คนชาวบ้านขาเชียร์จะบอกว่าควายบกลุ้นได้สนุกกว่า และไวกว่ากันเยอะ แต่สำหรับรอบนี้เป็น ควายคราดนา พอเปิดลงชื่อปุ๊บ เต็มกันไปอย่างรวดเร็วทั้งสมาชิกขาประจำขาจร รวบรวมพลกันเกือบ 40 ท่าน  ออกเดินทางจุดหมายปลายทางอยู่ที่บ้านบึง ที่เราได้ประสานงานกับ กับนายกองค์การบริหารส่วนตำบลคลองกิ่ว คุณสมศักดิ์ สวัสดิ์มงคล และยังคงเป็น นายกสมาคมควายไทย จังหวัดชลบุรี เพราะท่านนายกต้องการที่จะอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น อันดีงามให้คงอยู่สืบไป และส่งเสริมการเลี้ยงควาย อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับจังหวัดชลบุรี ท่านแจ้งให้เราไปถึงช่วง 10 โมงเช้า

ออกเดินทางสายหน่อย  แวะทานข้าว และรับสมาชิกอีก 3 ท่าน ที่จังหวัดชลบุรี ถึงสนาม อ.นพ… บรีฟแนะนำ วิธีการถ่าย การปรับตั้งกล้อง และ ให้ทุกคนได้ลองช่วงที่เขาเตรียมความพร้อมควายก่อน ใครติดปัญหาตรงไหน มีสมาชิกท่าน อื่นๆ ช่วย ไม่ว่าจะ โภช พี่แพท  พี่สารดี พี่สมชาย น้าชิต ใครไม่ได้ตรงไหนสามารถสอบถามพี่ๆ ได้ทุกคน ได้เวลาเปิดสนามประธานในพิธี ท่านนายก สมศักดิ์ สวัสดีมงคล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคลองกิ่ว ขึ้นกล่าวเปิดงาน ผูกผ้าแพรให้ควายคู่เปิดสนาม เป็นสัญญาณให้ทุกคนเตรียมพร้อม ทั้งทีมช่างภาพ และ ทีมบรรดากองเชียร์ก็เชียร์กันไป ทีมช่างภาพก็รั่วชัตเตอร์ไม่ยั้ง ใช้เวลากดชัตเตอร์นานไม่เกิน 30 วินาที ควายก็วิ่งเข้าเส้นชัยไปอย่างสมศักดิ์ศรี นักวิ่งแห่งท้องทุ่ง เป็นช็อต Action ที่ทำให้ ทีมช่างภาพไม่กล้าที่จะละสายตาจากช่องมองภาพแม้แต่วินาทีเดียว หลังจากควายคู่เปิดสนามเริ่มแล้ว ก็ถึงเวลาของจริงแล้ว มีการจับสลากแบ่งสายว่าควายใครเจอกับควายใคร ในแต่ละรุ่น มีชื่อเรียกน่ารักเชียว รุ่นเล็กที่สุด รุ่นจิ๋วพิเศษ รุ่นจิ๋วเล็ก รุ่นจิ๋วใหญ่ รุ่นใหญ่ ซึ่งจะเป็นรุ่นปิดสนาม ควายที่นี่ต้องบอกว่าค่าตัวแพงมาก ราคาหลักแสนกันเลยนะจ้ะ ยิ่งควายรุ่นใหญ่ ราคาบางตัวแพงกว่ารถเก๋งบางรุ่นอีก 

ส่วน eyejung ช่วงระหว่างรอก็หาของกินไปเรื่อย เดินมาถึงส่วนที่ทุกคนรอถ่ายภาพ โดนเบรกเลยคร้าบป๋ม “ไหนบ่นว่าลดความอ้วนอยู่” 555…ช่วงออกนอกสถานที่เป็นช่วงอนุโลม ให้กินได้ เพราะต้องใช้พลังงาน  อิอิ… มีข้อแม้ให้ตัวเองตลอดเวลา แถมทริปนี้ เจ้าหน้าที่  อบต. คลองกิ่ว ก็ดูแลพวกเราดีมาก มีทั้งขนม กาแฟ โอวัลติน น้ำดื่ม บริการตลอดงาน งานนี้สมาชิก CAMERART เลยไปรวมพลที่จุดลงทะเบียน ถ่ายภาพจิบกาแฟ มีของว่างให้ทาน ช่วงระหว่างรอปล่อยตัวนักวิ่งประจำสนาม ก็เพลิดเพลินกับการเพิ่มน้ำหนักแข่งกะ eyejung ทุกคนเลยนะ ซึ่งการแข่งควายคราดนา เป็นอะไรที่รอนานมากกว่าจะปล่อยตัวให้วิ่งได้ ไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง เรียกว่ารอกันจนลืมยิ่งสนามครั้งนี้ยาวมาก และแข่งถึง 5 คู่ ด้วยกัน มันเป็นอะไรที่ยากมากที่จะให้ทุกคู่อยู่นิ่งๆ ในลู่วิ่งตัวเอง จัดระเบียบนักวิ่งกว่าจะพร้อมเพียง แต่ความจริงแล้วมันเป็นการเล่นชั้นเชิงของเจ้าของควาย ที่จะให้ควายตัวเองได้เปรียบที่สุดก่อนการปล่อยตัว มันเลยนานนนนนนนนน….มากกกกกกกกกกกกกก นานที่สุดที่เรารอก็ชั่วโมงกว่าๆ เอง จน พี่สมชาย บอกรอ 1 ชั่วโมงถ่ายจริงแค่ 30 วินาที นอกจากควายที่อดทนแล้ว ช่างภาพก็อดทนกับการรอคอย กลางแสงแดดที่แผดเผา จนขอพักยกพาทุกท่านไปทานอาหารกลางวัน คนในพื้นที่แนะนำให้ไปทางที่ห้างโลตัส เพราะของกินเยอะกว่า เราเลยสรุปไปตากแอร์พักร้อนที่ห้าง เดินเข้าห้างมา รู้สึกโลกนี้สดชื่นจัง ขอนั่งโง่ๆ หลบแดดสักแพร็บ… เลือกอาหารทานตามใจชอบที่ฟู๊ดคอร์ส ก่อนจะกลับไปที่สนามแข่งควายกันใหม่ในรอบบ่าย

กลับมายังสนาม กำลังได้ที่เลยความร้อนของแดดตอนบ่าย กลับมานั่งเช็ครูป เล็งมุมเลือกฉากหลังใหม่ที่ จะ Panning ให้ดูมีมูฟเม้นท์ สำหรับมือโปร Advance แต่สำหรับ eyejung  แค่โฟกัส ถ่ายให้ชัดได้ก็ดีใจแล้ว แฮะ แฮะ…. หลายคนจะบอกว่าอะไรถ่ายภาพมาตั้งนาน ทำไมจะถ่ายไม่ได้ ด้วยว่า eyejung มีหน้าที่หลายอย่างมาก ทำได้ทุกอย่างแต่ไม่ได้ดีสักอย่างเลยอ่ะ 555…. เศร้าแป๊บ ภาพสวยๆ หาดูได้จากท่านอื่นๆ….รูป… ฮ่าฮ่า เดี๋ยว eyejung จัดให้ กลับมาก็ยัง รอ แล้วก็ รอ ก็เขาบอกแล้วว่ามันเป็นเชิงของจ๊อกกี้ คนควบคุมควาย ใครชั้นเชิงเหนือกว่าก็ได้เปรียบมีโอกาสชนะมากกว่า เปรียบกับชั้นเชิงของนักมวยเหมือนกัน นั่งฟังนั่งคุยกับชาวบ้านที่มาดูการแข่งก็ได้เห็นอีกหนึ่งมุมมองที่เราไม่รู้ คิดว่าแค่วิ่งแข่งกันอย่างเดียว มันก็เป็นศาสตร์อีกแบบหนึ่งเหมือนกัน แต่คนถ่ายภาพอย่างเราสิรอกันจนเกรียมแดดไปหมดแล้วยิ่งคนที่ไปรอมุมอีกฝังตรงข้ามสนาม สถานที่โล่งแจ้งมาก รับแสง UV ไปเต็มๆ กลับมาอีกทีผิวดำเหมือนควาย คราวนี้เราจะแยกออกไหมว่าอันไหนคนอันไหนควาย 555… (แซวแรง อย่าโกรธกันนะ) แข่งกันไปในแต่ละรอบใช้เวลาแป๊บเดียวอย่างที่บอกแต่เวลารอเกือบชั่วโมงทุกรอบ ยิ่งใกล้รอบสุดท้ายยิ่งรอนานมาก เราเลยต้องสละรอบชิงชนะเลิศควายใหญ่ เพราะคาดว่าจะนานเกิน 1 ชั่วโมงแน่ๆ นานขนาดนั้นอาจจะไปไม่ทันแสงเย็นอย่างที่ตั้งใจไว้ เราเลยขอมูฟจรลีกันก่อน

ออกจากสนามวิ่งควาย   เดินทางต่อไปยังอ่างศิลา ช่วงนี้พระอาทิตย์ตกช้ามาก 1 ทุ่ม ฟ้ายังสว่างสไสว มาถึงแอบแชะภาพหมู่เป็นที่ระลึกแก๊งค์ถ่ายภาพวิ่งควาย ที่เป็นทีมใหญ่ที่สุดของงานนี้ จนผู้จัดงานสงสัยว่ารู้ข่าวได้ไง เพราะเห็นว่าคนรู้น้อยมาก ก็ต้องขอบคุณท่านนายก อบต. คลองกิ่วที่ท่านช่วยแจ้งข่าวสารให้เราได้ทราบกัน ถ่ายภาพหมู่เสร็จ ชี้แจงจุดถ่ายภาพเพราะว่า ทริปนี้เรามีชาวต่างชาติร่วมทริปหลายท่านมาก เราจึงต้องอธิบายเส้นทางกันสักหน่อย เผื่อหลงทาง ลุงแซม มีแซว ว่าเดี๋ยวนี้ CAMERART โกอินเตอร์นะ ชาวต่างชาติยังอยากมาจอยทริปเลย อิอิ… ทริปนี้ มีสมาชิกใหม่ชาวจีน Mr. Fu ที่อยู่เมืองไทยมากว่า 20 ปี พูดไทยได้ สบายใจหน่อย ส่วน  Mr.Aung K.Win พูดไทยยังไม่ค่อยได้ แม้จะไปกับเราปล่อยสุด แต่ Mr. Vincent ขานี้…ขาบัดดี้ลุงแซมในการถ่ายภาพสาวๆ ชี้แจงเสร็จ ทำเลที่สวยงามยังคงมี 2 จุดใหญ่ บริเวณสะพานปลาใกล้ลานจอดรถ จะมีฉากหน้าเป็นเรือประมงพื้นบ้านจอดเลียงรายเป็นฉากหน้า ส่วนอีกจุด ก็บริเวณ หน้าตำหนักขาว ตำหนักแดง เราเลือกไปบริเวณตึกแดง เพราะมีที่นั่ง แถมบางที่ได้เรือประมงแล่นเรือมาเข้าฉากที่เราวางองค์ประกอบไว้ ก็จะได้ภาพที่สวยงามยิ่งขึ้น แต่วันนี้ อ.นพ บอกว่าท่าจะยากมากเลยที่จะได้แสงสวย เพราะเจอเมฆดำก้อนใหญ่ พระอาทิตย์คงตกหลังเมฆ แต่เราต้องมีศรัทธา คำของ พี่ป้อน ที่ชอบใช้ประจำ พอคำนี้มา บอกทุกคนเก็บกล้องเถอะ กินแห้ว แน่ๆ พี่ป้อน พูดคำนี้ที่ไร ชวดทุกที่สิน่า 555..

แต่เมื่อเราเป็นช่างภาพถึงแม้สภาพดินฟ้า อากาศ จะไม่อำนวย เราก็สามารถหาเรื่องถ่ายภาพได้ งานนี้ได้น้าชิต อุทิศตนเองเป็นนายแบบให้เพื่อนๆ เก็บภาพแนว ซิลูเอท (Silhouette) แถม พี่ไนท์ ก็ยังสร้างสรรค์นำริ้วแสงจากเมฆ มาสร้างเป็นมุมเหมือนน้าชิตกำลังปล่อยแสง นี่มัน “ดราก้อนบอล” ชัดๆ งานการ์ตูนก็มา ก็อย่างที่บอก ช่างภาพสามารถสร้างภาพได้ทุกที่ สนุกกับการปล่อยแสง ไปแล้ว ได้เวลาเดินหาของทาน เพราะเดี๋ยวเราจะยิงยาวเข้ากรุงเทพฯ เป็นการจบภารกิจทริปเฉพาะกิจกับการถ่าย Action & Panning… By…eyejung