เรื่อง+ภาพ : eyejung
นานแล้วที่ไม่ได้มานั่งเขียนบทความ หลังจาก CAMERART ปิดตัวสื่อสิ่งพิมพ์ลงก็ไม่ได้เขียนเรื่องลงอีกเลย วันนี้คิดถึงบรรยากาศการเขียน เลยขอขยับแป้นคีย์บอร์ดสักหน่อย กับทริปท่องเที่ยว ที่เหมือนเป็นการส่งท้ายสถานการณ์ท่องเที่ยวกับช่วงไฮซีซั่นของการถ่ายทางช้างเผือก แต่ทริปนี้ก็ต้องเป็นทริปสุดท้ายกับสถานการณ์ในช่วงที่เกิดภาวะการระบาดของโรคโควิด-19′ จากไวรัสโคโรน่า ที่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งทะยานรายวัน จนต้องมีการประกาศภาวะฉุกเฉิน เพื่อให้ทุกคนกักตัวอยู่บ้าน ซึ่งก่อนจะมีการประกาศ CAMERART จะพาทุกคนไปเที่ยวทิ้งทวน หลบเรื่องเครียดๆ จากไวรัส ไปติดเกาะกัน 2 คืนเต็ม กันที่เกาะพระทอง จังหวัดพังงา สวรรค์ของคนที่ถ่ายภาพดวงดาว
แต่ก่อนจะเดินทางไปจังหวัดพังงา เราขอแวะพักรถ และให้คนรถได้พักสัก 2-3 ชม. กันระหว่างทางกันหน่อย กับจังหวัดชุมพร ที่มีแหล่งท่องเที่ยว UNSEEN ที่มีกันอยู่หลายแหล่ง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวสายทะเลต้องไม่พลาด คือ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร แต่ทริปนี้เราจะภาพเที่ยวดอยที่ชุมพรกันบ้าง อ่ะ!…อย่าเพิ่งแปลกใจ ดอยมันมีแต่ภาคเหนือไม่ใช่เหรอ?… อยากรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะว่าเราจะพาไปเที่ยวดอยไหนตามมาเลย…
เราออกเดินทางกันตั้งแต่คืนวันศุกร์ช่วงหัวค่ำ กะว่าจะไปเช้าที่จังหวัดชุมพร เวลาตีสี่เราก็ถึง ต.เขาทะลุ อ.สวี จ.ชุมพร ปลายทางของเราคือ ดอยตาปัง แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นกระแสมาแรงเมื่อปีที่แล้ว จริงๆ แล้วดอยตาปังเพิ่งเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้เพียง 2 ปี เรียกว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวสดใหม่ เป็นอีกจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดเลย ดอยตาปังนั้นเป็นชื่อของชาวบ้านที่ทำมาหากินนั้น คือตาปัง ซึ่งชาวจังหวัดนครสรรค์ ที่ย้ายมาอาศัยอยู่บนดอยแหล่งนี้ตั้งแต่ปี 2528 โดยมาทำการเพาะปลูกกาแฟบนดอย ที่มีอากาศเย็น ซึ่งตาปังนั่นมีรถไถ่ เลยบุกเบิกเส้นทางเพื่อไว้ขนพืชไร่ ซึ่งคือไร่กาแฟ ผลิตภัณ์ที่ขึ้นชื่อของเขาทะลุ และเป็นทางสัญจรของชาวบ้านที่อยู่บนเขา ชาวบ้านได้รับประโยชน์จากเส้นทางนี้ไปด้วย จนชาวบ้านเรียกกันติดปากว่าเป็นดอยตาปัง เพราะตาปังนั้นอยู่บนดอยนั้นเอง แต่ด้วยความสวยงามของดอยตาปัง ที่มีทิวทัศน์สวยงามเหมาะกับการท่องเที่ยว ชาวบ้นจึงไปเเจ้งกับผู้ใหญ่ จนไปถึงป่าไม้ให้มาช่วยกันพัฒนาทางขึ้นเเต่ก็มีข้อจำกัดจากป่าไม้ (ที่ดินเเถวนั้นเหมือนจะเป็นที่เเบบว่ารัฐเเจกให้ปชช.ทำกิน) ว่าห้ามทำถนนขึ้นไปอย่างเป็นกิจจะลักษณะ เลยทำได้เเค่เพียง คอนกรีตทางคู่ การเดินทางค่อนข้างลำบากสำหรับคนต่างถิ่น เมื่อชุมร่วมกันจัดตั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็สร้างรายได้ให้กับชุมชนอีกหนึ่งช่องทาง โดยเงินที่พาเที่ยวส่วนหนึ่ง จะหักออกมาเป็นกองกลางเพื่อไว้ซ่อมแซมเส้นทางและพัฒนาสาธารณูปโภครองรับการท่องเที่ยว
ก่อนมาเราติดกับต่อผู้ใหญ่บ้านประเสริฐ ว่าจะไปเที่ยวต้องไปเปลี่ยนรถที่ไหน ได้คำตอบว่าให้ไปเปลี่ยนรถ ร้านค้าประชารัฐบ้านบนดอย เราเดินทางไปถึงจุดจอดรถ เห็นมีรถจอดอยู่ เลยเดินเข้าไปเจรจาว่าขอขึ้นไปเลยได้ไหม คำตอบที่ได้คือเวลาท่องเที่ยวคือ 05.00 น. แต่ด้วยหลายคนอยากขึ้นไปถ่ายทางช้างเผือกที่ดอยตาปัง ทางรถนำเที่ยวเลยใจดีพาเราขึ้นไป ข้างบนอากาศค่อนข้างเย็น ควรเตรียมอุปกรณ์กันหนาวมาด้วย เมื่อถึงด้านบน เราเจอป้ายบอกจุดชมวิวดอยตาปังใหญ่โต และทางช้างเผือกกำลังเริ่มเฉียง 45 องศา พร้อมหมอกที่ค่อยๆ ลอยขึ้นมา เป็นภาพที่บอกได้ว่า Unseen Thailand ต้องบันทึกไว้ว่าดอยตาปังเป็นจุดชมทะเลหมอก และกลุ่มดาวทางช้างเผือก ทางภาคใต้ที่สวยไม่แพ้ภาคเหนือเลย
ดอยตาปัง วิวปังๆ ของทะเลหมอก มันช่วยเยียวยาจิตใจช่วงเวลาแบบนี้ได้ดีจริง และการมาของเราในครั้งนี้คือความโชคดี เพราะนี้คือหมอกแรกของเดือนมีนาคมเลย ตลอดเดือนมีนาคมที่ผ่านมาไม่มีหมอกเลย จริงๆ ดอยตาปังชมหมอกได้ตลอดทั้งปี แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศแต่ละวัน ซึ่งหลายคนมาแล้วอาจจะกินแห้ว ขึ้นอยู่กับดวงล้วน 555… จากทางช้างเผือก หมอกเริ่มลอยกลบแสดงดาว พระอาทิตย์เริ่มสาดแสงกระทบทะเลหมอก กับวิวที่สามารถชมได้ 360 องศา เป็นช่วงเวลาทองของการถ่ายภาพ กับภาพของธรรมชาติ ที่ระบายแต่งแต้มทองฟ้า ไฮไลท์ของที่นี่ คือการขึ้นมาดูแสงอาทิตย์ สาดส่องผ่านรูของเขาที่มีชื่อว่า เขาทะลุ ก่อนจะตกกระทบกับสายหมอกสีขาวเบื้องล่าง เป็นภาพที่สวยงาม และความโชคดีของเราอีกเรื่องคือดอยตาปังได้รับคำสั่งให้ปิดการรับนักท่องเที่ยวชั่วคราวเพราะมีการระบาดของโควิด19 เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อ เป็นการไปเที่ยวก่อนปิดดอย ใครอยากตามรอยต้องติดตามผ่านเพจดอยตาปัง หากเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ทางเพจจะแจ้งเปิดดอยตาปังให้นักท่องเที่ยวรับทราบอีกครั้ง
การออกเดินทางทำให้เรารู้ว่าทุกช่วงเวลามีค่า การได้ไปยืนสัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงของเวลาที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง ทุกอย่างมีช่วงเวลาของมันเอง ช่วงเวลาดีๆ ความสวยงามของธรรมชาติจะบำบัดความรู้สึก แม้เราจะได้ภาพสวยๆ กลับมา แต่ไม่เท่ากับการได้อยู่กับธรรมชาติ และสัมผัสกับธรรมชาติจริงๆ เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นเราจะกลับมาอีกครั้ง By…eyejung