เรื่อง : eyejung, ภาพ : ทีม Camerart
บทความนี้มาจาก Camerart Magazine 258/2019 March
เดือนแห่งความรัก การเลือกสถานที่ท่องเที่ยวก็จะอบอวลไปด้วยความรัก ซึ่งปีนี้เราเลือกไปจังหวัดเชียงราย จุดหมายปลายทางของความฝัน กับการไปบอกรักลอยฟ้า กับ เทศกาลบอลลูนนานาชาติ ครั้งที่ 4 “Singha Park Chiangrai International Balloon Fiesta 2019” ในช่วงวันที่ 13-17 กุมภาพันธ์ 2562 นี้ ที่สิงห์ปาร์ค จังหวัดเชียงราย ที่ทุกคนใฝ่ฝันอยากไปสัมผัสเทศกาลบอลลูนนานาชาติสักครั้งในชีวิต ครั้งนี้เราไม่รอช้าพาทุกคนขึ้นไปเที่ยวจังหวัดเชียงรายด้วยกัน กับการได้รับความอนุเคราะห์จากทางไร่สิงห์ปาร์ค ที่ให้คณะ CAMERART ได้มีโอกาสได้เข้าไปเก็บภาพเทศกาลใหญ่ระดับโลกในเมืองที่โรแมนติก กับ วิวทิวทัศน์ที่แสนงดงาม และเมืองที่เต็มเปี่ยมไปด้วยศิลปวัฒนธรรมที่หลากหลายทางชาติพันธุ์ ของเมืองเชียงราย
ทริปนี้ eyejung พาเที่ยว จังหวัดเชียงราย เราเริ่มต้นกันที่ เทศกาลบอลลูนนานาชาติ 2019 ครั้งที่ 4 จัดใหญ่สุดในอาเซียน ณ สิงห์ปาร์คเชียงราย ซึ่งนักท่องเที่ยวสายแชะไม่ควรพลาด เพราะทางไร่สิงห์ปาร์คจัดกิจกรรมมากมายให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพกันจุใจ งานนี่ต้องพกเมมไปเยอะๆ…. เริ่มตั้งแต่ช่วงสี่โมงเย็นของทุกวัน…เราจะได้ชมการแข่งขันบอลลูนนานาชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน เพื่อชิงถ้วยรางวัล และเงินรางวัลกว่า 500,000 บาท สุดตระการตากับเทศกาลบอลลูนนานาชาติ จาก 13 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเทศกาลบอลลูนนานาชาติถือเป็นหนึ่งเทศกาลท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดเชียงราย ที่จะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าไปชมงานวันละหลายหมื่นคนบนพื้นที่กว่า 8,000 ไร่ ที่จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร จัดแต่งสวนดอกไม้เมืองหนาวที่มีสีสันสวยงามนานาชนิด และ ไร่ชา พร้อมสัมผัสธรรมชาติในแบบเกษตรผสมผสานครบวงจร สูดโอโซนให้เต็มปอด
เทศกาลบอลลูนนานาชาติ กลายเป็นอีกหนึ่งสัญญาลักษณ์การท่องเที่ยวของไร่สิงห์ปาร์ค และจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะในช่วงวันวาเลนไทน์ ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด “Balloon Love” กลายเป็นอีกกิจกรรมที่ดังไกลระดับโลก จะมีชาวไทยและต่างชาติต่างให้ความสนใจในกิจกรรมบอลลูนซึ่งจะมีคู่รัก 20 คู่ ได้ขึ้นบอลลูนไปตะโกนบอกเลิฟกับคนรักบนท้องฟ้าชมความสวยงามของจังหวัดเชียงรายแบบ 360 องศา ส่วนนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ขึ้นบอลลูน ก็เก็บบรรยากาศที่นักบินเตรียมการปล่อยบอลลูนขึ้นกว่า 30 ลูก จาก 13 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, ไต้หวัน, ออสเตรเลีย, บราซิล, ยูเครน, ญี่ปุ่น, เยอรมนี, สวิตเซอร์แลนด์, เมียนมา, ลัตเวีย, เกาหลีใต้, เวียดนาม และไทยในฐานะเจ้าภาพ ขึ้นไปลอยอยู่เหนือน่านฟ้าจังหวัดเชียงรายที่สุดตระการตา ในบรรยากาศสวยงามรอบรอบทะเลสาบของไร่สิงห์ปาร์คที่โอบล้อมด้วยขุนเขา และทุ่งดอกคอสมอสที่เรียกได้ว่าเป็นอีกสัญญาลักษณ์ของภาพความทรงจำในงาน “SINGHA PARK CHIANG RAI BALLOON FIESTA”
เมื่อจบการแข่งขันบอลลูนของแต่ละวันแล้ว…. ก็จะมีกิจกรรมพิเศษต่างๆ ให้ชมกัน ในปีนี้มีการแสดงโขนกลางแปลง เรื่อง “รามเกียรติ์” ตอน “อินทรชิต แผลงศรนาคบาศ” โดยจัดแสดงขึ้นในวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 18.00-19.00 น. จากนักแสดง กลุ่มศิลปินวังหน้ากว่า 100 ชีวิต ที่ยิ่งใหญ่อลังการที่เคยประทับใจใครหลายๆ คนมาแล้วโดยวัตถุประสงค์ในการจัดแสดงโขนกลางแปลงนี้ขึ้นมา เพราะทางสิงห์ปาร์คต้องการอนุรักษ์ สืบสานวัฒนธรรมไทยสู่ลูกหลานในจังหวัดเชียงราย และเผยแพร่การแสดงโขนให้ชาวต่างชาติได้รู้จักและรับชมอีกด้วย เป็นอีกกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดที่จะไปแวะชมโขนกลางแปลง เพราะหาชมยากจริงๆ และครั้งนี้ใช้เทคนิค และอุปกรณ์แสงสีเสียงมาช่วยเสริมให้การแสดงยิ่งใหญ่อลังการเพิ่มขึ้นอีกด้วย เสร็จแล้วก็ไปเพลิดเพลินต่อกับมหกรรมอาหารจากทั่วประเทศ และคอนเสิร์ตจากศิลปินมากฝีมือ ตลอดทั้ง 5 วัน ปิดท้ายด้วยค่ำคืนสุดประทับใจกับการแสดง Balloon Magic Night Glow ณ บริเวณริมทะเลสาปสิงห์ปาร์คในเวลา 20.00-21.00 น. ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจกับสีสันของบอลลูนยามค่ำคืนในบรรยากาศสุดโรแมนติก ไม่ควรพลาดที่จะไปเก็บภาพถ่ายสวยๆ แล้วอย่าลืม selfie รูปตัวเองเก๋ๆ ไปอวดชาวโลก ให้เห็นเทศกาลท่องเที่ยวระดับโลกในงาน “SINGHA PARK CHIANG RAI BALLOON FIESTA”
นอกจากไร่สิงห์ปาร์ค ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายคนคุ้นเคยกันแล้ว แต่จังหวัดเชียงรายยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ โดยเฉพาะสายอาร์ต เพราะเชียงรายได้ชื่อว่าเป็น “นครแห่งศิลปวัฒนธรรมและความผาสุข” นำโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และศิลปินชาวเชียงราย ที่ช่วยกันผลักดัน และพัฒนาเมืองเชียงรายให้ก้าวสู่ความเป็นเมืองศิลปะอย่างยั่งยืน เราจึงไม่แปลกใจว่าทำไมศาสนสถานวัดวาอาราม หลายแห่งของจังหวัดเชียงราย จึงสวยงามด้วยลวดลายปูนปั้น เริ่มกันที่วัดร่องขุ่น สุดวิจิตรตระการตา โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ทางศิลปะ และสถาปัตยกรรมที่แสนวิจิตรอลังการ ไม่เหมือนที่ใดในโลกเลยก็ว่าได้ หรือที่เรียกกันว่า วัดขาว เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2540 โดยท่าน อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงราย จิตรกรที่มีความสามารถแนวหน้าของไทย ได้บริจาคทรัพย์ส่วนตัวสร้างวัดนี้ขึ้นมา ให้เหมือนเมืองสวรรค์บนดินที่มนุษย์สามารถสัมผัสได้ รวมเนื้อที่ทั้งหมด 12 ไร่เป็นอีกจุดที่ช่างภาพทุกคนไม่เคยพลาดที่จะไปเก็บภาพ แต่ถ้าใครมีกล้องไปเก็บภาพช่วงพระอาทิตย์ตกดิน บอกได้คำเดียวว่าสวยเกินคำบรรยาย
จากวัดร่องขุ่น อีกวัดที่มีโครงสร้างศิลปะที่เหมือนกันต่างกันก็คือสีสันนั่น คือ วัดร่องเสือเต้น ด้วยศิลปะที่มีความสวยงาม แปลกตา ใช้โทนสีน้ำเงินฟ้า ตัดสลับกับสีทองดูสวยงามมาก ไฮไลท์ที่สำคัญอยู่ที่พระอุโบสถใหม่ที่สร้างขึ้น ด้วยศิลปะแบบไทยประยุกต์ ที่มีศิลปะที่มีความสวยงดงามแปลกตา จากฝีมือการรังสรรค์ของ นายพุทธา กาบแก้ว หรือ สล่านก ศิลปินท้องถิ่นชาวเชียงราย ซึ่งเคยเป็นลูกศิษย์ของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์และเคยเข้าไปทำงานที่วัดร่องขุ่น เป็นศิลปะประยุกต์ที่เป็นเอกลักษณ์ใช้เฉดสีเป็นสีน้ำเงินฟ้าตัดกับสีทอง ลวดลายต่างๆ ที่พลิ้วไหวนั้นสล่านก ได้จากการเรียนรู้จากอาจารย์แต่ศิลปะของอาจารย์เฉลิมชัยที่ใช้โทนสีขาว และมีการใช้กระจก… แต่ของ สล่านก ดัดแปลงมาเป็นการใช้สีน้ำเงินฟ้าแทนเพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะ ประติมากรรมบันไดพญานาคที่ใช้เฉดสีเดียวกันนั้นมีความชดช้อยและลวดลายแตกต่างจากประติมากรรมทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด ได้นำเอารูปแบบผลงานของ อ.ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ พ.ศ. 2544 ผู้สร้างบ้านดำ จังหวัดเชียงราย ที่มีความโดดเด่นเรื่อง แสง และ เงา…มาประยุกต์ใช้ โดยเฉพาะช่วงเขี้ยวของพญานาคมีความพลิ้วไหว อ่อนช้อย โดยพระวิหารแห่งนี้ให้นิยามว่าเป็นทิพยสถาน คือ เป็นการสรรเสริญพระพุทธเจ้าทั้งในรูปแบบของประติมากรรมและจิตรกรรม เมื่อคนเข้าไปมีจิตใจดีก็จะรักษาศีลก่อให้เกิดสมาธิ และปัญญาตามมา ภายในวิหารมีผลงานจิตรกรรมภาพวาดฝาพนังเกี่ยวกับพระพุทธประวัติ โดยใช้เฉดสีน้ำเงินฟ้ามีลวดลายที่อ่อนช้อยงดงามมีพระประธานสีขาว สูง 6.50 เมตร หน้าตักกว้าง 5 เมตร และอีกหนึ่งที่งดงาม ชื่อว่า “พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ”
อีกหนึ่งวัดดังที่ต้องแวะมาเที่ยว วัดห้วยปลากั้ง เป็นอีกวัดหนึ่งที่มีความสวยงามไม่แพ้วัดอื่นๆ ในจังหวัดเชียงราย มีเนินเขารายรอบวัดสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามสิ่งที่โดดเด่นของวัดนี้ คือ “พบโชคธรรมเจดีย์” เจดีย์สูง 9 ชั้น ทรงแหลมศิลปะจีนผสมล้านนาสง่างามด้วยบันไดที่มีมังกรทอดยาวทั้งสองข้างบันได ล้อมรอบด้วยเจดีย์จำลองขนาด 12 ราศี ภายในเจดีย์ ประดิษฐานพระพุทธรูป และพระอรหันต์ต่างๆ รวมถึงเจ้าแม่กวนอิมแกะสลักจากไม้จันหอมองค์ใหญ่ และอีกหนึ่งไฮไลท์ของทางวัดที่ถือว่าเป็นที่หนึ่งประเทศไทยเลยทีเดียวก็คือ องค์เจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความสูงประมาณ 79 เมตร เทียบเท่ากับตึกสูง 25-26 ชั้นเลยทีเดียว ภายในองค์เจ้าแม่กวนอิมสามารถขึ้นไปเพื่อชมวิววัดห้วยปลากั้งจากมุมสูงได้ด้วย วัดนี้…แต่เดิมเคยเป็นวัดร้างที่มีมาแต่โบราณ ถูกบูรณะโดย พระอาจารย์พบโชค ติสสะวังโส จนฟื้นกลับมาเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเชียงรายอีกครั้งและ… มีความเชื่อกันว่าหากใครมาเยือนจะรู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ เป็นอีกหนึ่งวัดที่มุมถ่ายภาพเยอะมาก โดยเฉพาะช่วงเย็นจะได้แสงสวยๆ ของท้องฟ้า ขับให้วัดห้วยปลากั้ง ยิ่งสวยโดดเด่น
ปิดท้ายการเยือนนครเมืองเชียงรายกับอีกหนึ่งวัดสถานที่ดัง… แม้จะไม่โดดเด่นในด้าน ศาสนสถาน เหมือนวัดต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว แต่เป็น… สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง ที่มีความ UNSEEN เป็นจุดหมายปลายทางของนักถ่ายภาพทั้งหลาย ด้วยความเรียบง่ายที่ไม่เหมือนใคร แต่กลับมีความพิเศษ คือ… พระขี่ม้าบิณฑบาต ณ สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง ด้วยสถานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลบนดอยสูง ตำบลศรีค้ำ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ซึ่งสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้มี “ครูบาเหนือชัย โฆสิโต” เป็นเจ้าอาวาสสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง อดีตนายทหารม้าเก่า ในอดีตท่านต้องเดินขึ้นลงเขาเพื่อรับบิณฑบาตจากญาติโยมภายในหมู่บ้านที่ห่างไกลออกไปกว่า 5-10 กิโลเมตรด้วยหนทางที่ไกลกว่าท่านจะเดินถึงสำนักปฏิบัติธรรม… ก็เลยเวลาฉันเพลชาวบ้านจึงร่วมกันนำม้ามาถวายเพื่อให้ท่านใช้เป็นพาหนะสำหรับการเดินทางรับบิณฑบาตจากชาวบ้าน ซึ่งม้าดังกล่าวเป็นม้าที่มีลักษณะดีร่างกายกำยำ ครูบาจึงตั้งชื่อให้ว่า “ม้าอาชาทอง” และใช้ชื่อดังกล่าวเป็นชื่อวัดสำนักปฏิบัติธรรมด้วย นี้จึงเป็นที่มาของ “วัดถ้ำป่าอาชาทอง” และ “พระขี่ม้าบิณฑบาต” นอกเหนือจากการขี่ม้าเพื่อออกบิณฑบาตแล้ว ท่านยังใช้ม้าเป็นพาหนะเดินทางเผยแพร่ธรรมะและแจกจ่ายอาหารให้กับชาวเขาที่ลำบากและยากจนอีกด้วย จนท่านได้รับการขนานนามว่า “นักบุญแห่งขุนเขา” เรื่องราวดังกล่าวนี้เป็นสิ่งแปลกตาที่ไม่เคยพบเห็นมากนัก ถือเป็นหนึ่ง Unseen Thailand เลยก็ว่าได้ ใครอยากตามไปเก็บภาพสามารถไปดักถ่ายในหมู่บ้านสี่หมื่นไร่ หรือ ณ สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทองในช่วง 06.00 ถึง 07.30 น. ไปหาจุดตั้งกล้องรอเก็บภาพกันได้เลย และจังหวัดเชียงรายยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมาย ทริปนี้ เราคัดมาฝากกับสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดของเมืองเหนือสุดยอดแดนสยาม