เรื่อง+ภาพ : นพดล
บทความนี้มาจาก Camerart Magazine 263/2019 August
นับเป็นเวลาเกือบ 30 ปี…ที่ไม่ได้ไปท่องเที่ยวกับทัวร์ ส่วนใหญ่แล้วไปท่องเที่ยวถ่ายภาพกับคนถ่ายภาพด้วยกัน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ที่ไปท่องเที่ยวกับบริษัททัวร์ ก็ถือว่าเป็นการท่องเที่ยวส่วนตัวก็แล้วกัน แต่ก็มีเรื่องของการถ่ายภาพมาเล่าให้ฟังกับการถ่ายภาพที่ต้องไปกับบริษัททัวร์…การเดินทางไปครั้งนี้รวมเวลา 6 วัน ไปยังประเทศรัสเซีย แต่ถ้าจะนับกันจริงๆ หักเรื่องการเดินทางออกแล้ว…ก็น่าจะเหลือเพียง 3 วันครึ่งเท่านั้นเองสำหรับการท่องเที่ยว 2 เมือง คือ เมืองหลวงมอสโคว์ และ เมืองเซ็นต์ปีเตอร์เบิร์ก
สิ่งหนึ่งสำหรับคนถ่ายภาพที่มักจะไม่ชอบไปท่องเที่ยวกับบริษัททัวร์ทั่วไป (ยกเว้นแต่ว่ากำหนดกับบริษัททัวร์ว่าจะไปท่องเที่ยวถ่ายภาพโดยเฉพาะ) ก็คือ เป็นการท่องเที่ยวแบบชมจริงๆ ไม่มีเวลาสำหรับการถ่ายภาพมากพอที่จะรอคอยเรื่องแสง การเดินหามุมมองสำหรับการถ่ายภาพ และประการสำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ผู้คนนักท่องเที่ยวที่บางแห่งแทบจะเดินชนกันตาย ต้องคอยระวังการเบียดเสียดของพวกมิจฉาชีพ นักล้วงกระเป๋า กรีดกระเป๋า ยิ่งถ้าสัมภาระกระเป๋ากล้องด้วยแล้วยิ่งเป็นปัญหาใหญ่เลยทีเดียว อีกเรื่องหนึ่งที่เสียเวลาสำหรับการถ่ายภาพก็คือ การช็อปปิ้ง ที่นักท่องเที่ยวหลายคนชอบ แต่สำหรับคนถ่ายภาพ กลับบอกว่าเสียเวลาซะงั้น….
แต่เมื่อต้องไปเที่ยวกับบริษัททัวร์ ตามโปรแกรมทัวร์ ก็ต้องทำใจเสียแต่แรก การเตรียมตัว เตรียมใจกับการไปท่องเที่ยวคราวนี้ จึงต้องทำใจเสียแต่แรก…เอาประสบการณ์ถ่ายภาพทุกอย่างที่รู้นำมาใช้งานกันเลยทีเดียว….กรุ๊ปทัวร์ที่ไปรอบนี้มีกัน 30 ท่าน ในกรุ๊ปที่รู้จักจริงๆ มีเพียง 2 คน คนอื่นๆ ไม่รู้จักกันเลย ต่างกับที่เคยไปถ่ายภาพกับคนชอบถ่ายภาพ คนถือกล้องในกรุ๊ปที่ลองนับดู นอกจากผม ก็มีเพียง 2 คนที่พกกล้อง แถมเป็นกล้องคอมแพคไปหนึ่งตัว อีกตัวเป็นกล้อง Mirrorless ตัวย่อมๆ อีก 1 ตัว นับกันจริงก็จะมีเพียงผมเท่านั้นที่ถือกระเป๋ากล้องไปตลอดเวลา…555…
แต่ที่ใช้งานจริงๆ ตลอด 6 วัน… ผมใช้เพียงกล้อง D-SLR ติดเลนส์ 24-120 มม. ตัวเดียวที่ใช้ อย่างอื่นนอนเอกเขนกอยู่ในกระเป๋าไม่ได้ใช้งานเลย ยกเว้นแท่นชาร์ตแบตเตอรี่ เลนส์ 70-200 มม. ที่ติดไปด้วยกลายเป็นตัวถ่วงหนักกระเป๋าซะอย่างนั้น ไม่มีโอกาสที่จะนำมาถอดเปลี่ยนเลนส์ใช้งานเลย…สาเหตุสำคัญก็คือ ความสะดวกในการเดินถ่ายภาพอย่างหนึ่งละ อีกสาเหตุก็คือ บางสถานที่ไม่อนุญาตให้นำกระเป๋าขนาดใหญ่เข้าไป…ดังนั้น กล้องพร้อม เลนส์ซูมช่วงที่ต้องใช้งานมากที่สุด เพียงตัวเดียว จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุกถ้าต้องไปถ่ายภาพกับบริษัททัวร์ทั่วไป
จัตุรัสแดง…กรุงมอสโคว์…
ผมเลือกเอา…จัตุรัสแดง…กรุงมอสโคว์…เป็นจุดเริ่มเล่าเรื่องการถ่ายภาพ เพื่อให้ได้ภาพถ่ายมาฝากพวกเรานักถ่ายภาพ…แต่ความจริง ก็คือ เป็นจุดสุดท้าย ก่อนกลับประเทศไทย บ้านเราครับ… ทางไก้ด์นำเที่ยว… บอกว่าจะใช้เวลาที่นี่ทั้งหมดประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง คือ ระหว่าง 10.00 น. จนถึง 12.30 น. เพื่อไปทานอาหารเที่ยง… แล้วจะเดินทางไปสนามบิน เพื่อเดินทางกลับ…หลายคนอาจจะนึกว่า…โห…ให้ตั้ง 2 ชั่วโมงครึ่ง
แต่…ผมอยากให้นึกภาพของ จัตุรัสแดงกรุงมอสโคว์ ก่อนครับ มันเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมที่ใหญ่มาก เป็นที่สวนสนามของกองทัพแดงในสมัยโซเวียตรัสเซียไง… แค่นี้ก็พอนึกถึงความกว้างใหญ่ได้แล้วละมั้ง…555…แค่เดินตัดสนามก็หอบแล้ว ฝั่งหนึ่งเป็นมหาวิหารเซนต์บาซิล …ที่มีโดมเป็นรูปหัวหอมหลายโดมซ้อนกันอยู่นั่นแหละ… ด้านซ้ายมือเป็นกำแพงวังเครมลิน เห็นทั้งหอนาฬิกา และหอคอย… ฝั่งตรงข้ามเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์… ซึ่งเป็นตึกแบบโกธิก… ส่วนทางด้านขวามือเป็น...แหล่งชอปปิ้งมีชื่อ…รวมถึงห้าง GUM ก็อยู่ที่นี่…ส่วนตรงกลางเป็นลานบริเวณกว้างใหญ่
การเดินเข้าทางด้าน มหาวิหารเซนต์บาซิลผ่านลานขนาดมหึมา ไปยังพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ แวะ ย่านชอปปิ้ง แวะที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ทะลุเลยออกไป เพื่อไปเข้าพระราชวังเครมลิน ชมพระราชวัง กลับออกมา…ทั้งหมดนี้ให้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง…พระเจ้าช่วยกล้วยทอด…
ปัญหาเรื่องทิศทางของแสง…ปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งก็คือเรื่องทิศทางของแสงนั่นคือ มหาวิหารเซนต์บาซิล อยู่ทางทิศตะวันออก พระอาทิตย์อยู่หลังวิหาร แต่…พิพิธภัณฑ์ประวิติศาสตร์ อยู่ทางทิศตะวันตกนั่นหมายความว่ารับแสงพอดี ได้สีสันของตึกและท้องฟ้า ขณะที่มหาวิหารเซนต์บาซิลจะย้อนแสงเต็มๆ ทางแก้สำหรับภาพของมหาวิหารก็คือ ถ่ายจากด้านหลังที่ตามแสงสีสันจึงจะขึ้นตามที่ต้องการ แต่เป็นด้านหลังของมหาวิหารซึ่ง Landscape ไม่สวยงามอย่างด้านหน้า ที่จะติดกำแพงใหญ่ของพระราชวังเครมลิน เฉพาะคิดเรื่องถ่ายและเดินถ่ายคิดง่ายๆ ว่า 3 จุด คือ มหาวิหารเซนต์บาซิล, พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ และย่านชอปปิ้ง 3 จุดในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อให้เหลืออีก 1 ชั่วโมงสำหรับการเที่ยวในพระราชวังเครมลิน สำหรับนักถ่ายภาพก็ต้องถือว่าน้อยมาก ไม่มีโอกาสได้เดินเลี่ยงทิศของแสงกันเลยทีเดียว
การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า… คือทางเลือกที่ดีที่สุด… เนื่องจากเป็นการเดินเข้าทางด้านหลังของมหาวิหารเซนต์บาซิล ซึ่งสภาพแสงดีอยู่ จึงรีบเดินย้อนกลับมาเก็บภาพถ่ายตามแสงไว้ก่อน เพราะยังได้สีสันของมหาวิหารดีอยู่
เมื่อเดินมาหน้ามหาวิหารเก็บภาพอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งย้อนแสงแล้วครับ สำหรับฝั่งตรงข้ามที่เป็นตึกพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ นั้นไม่เป็นปัญหา ทิศทางแสงรับแสงดีมาก ให้สีสันสดใสทั้งอาคาร และท้องฟ้า ส่วนด้านหน้าของ มหาวิหารเซนต์บาซิล ถ่ายภาพย้อนแสง ขอแนะนำว่า ควรถ่ายเป็น RAW file ไว้ด้วย เพื่อนำมาปรับเร่งรายละเอียดส่วน Shadow วัดแสงเผื่อการเก็บรายละเอียดของท้องฟ้าไว้ด้วย ก็จะได้ภาพ แม้ว่าสีสันจะลดลง และมี Noise ปรากฏแต่ภาพโดยรวมก็พอใช้ได้เลยครับ จากนั้นจึงกลับมาถ่ายภาพย่านชอปปิ้ง โดยเฉพาะหน้าห้าง GUM ที่จัดดอกไม้ไว้เต็มหน้าห้างสีสันสดใสเหมาะกับการถ่ายภาพมาก
ปัญหาเรื่องผู้คนนักท่องเที่ยว…นี่เป็นอีกปัญหาหนึ่ง ที่หลีกหนีไม่พ้นสำหรับกรณีที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมีชื่อเสียงที่มักจะมีนักท่องเที่ยวอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าคุณมาท่องเที่ยวกับทัวร์ ก็ต้องทำใจถ่ายติดผู้คนไปด้วยเลยทีเดียว แต่ถ้าคุณต้องการแสงสีของท้องฟ้า ผมว่าน่าจะมีโอกาสมากครับ เนื่องจากช่วงเวลานี้เดือนกรกฎาคมกลางคืนสั้นมาก แสงจะหมดเอาแถว 3-4 ทุ่ม และช่วงเช้า ตี 4-5 แสงก็มากแล้ว ถ้ามาเฝ้าแสงยามฟ้าเปลี่ยนสีกันในเวลาเช่นนี้…ผมว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่กำลังนอนกันอยู่ละครับ
เป็นการถ่ายภาพที่ทำเวลาอย่างรวดเร็วมากเลยทีเดียว ด้วยเวลาที่จำกัดเพียงประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง หลายท่านอาจจะยังนึกภาพไม่ออก เปรียบเทียบเอาว่า ถ้าให้คุณเดิน… ขอย้ำว่าเดินนะครับ… ถ่ายภาพพื้นที่ที่ใหญ่กว่าสนามหลวงซักประมาณเท่าครึ่งให้ถ่ายพระบรมมหาราชวัง ถ่ายภาพตึกมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถ่ายภาพตึกของศาลฎีกา และเดินไปถ่ายภาพย่านชอปปิ้งท่าพระจันทร์ ยัน ท่าช้าง เพื่อให้ได้ภาพงามๆ สักชุด ในเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง…ผมว่ามันเป็นโจทย์ที่ท้าทายเลยทีเดียวครับ…
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนถ่ายภาพ เดินทางกันสุดแสนไกล ก็ขอนำภาพกลับบ้านให้ได้ละครับ ….ไม่ทันได้เข้าไปชมพระราชวังเครมลิน ติดเอาไว้ต่อในคราวหน้าครับ…